นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวย บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) เปิดเผยว่า ในปี 53 [บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 15% มาอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตเนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 52 ต่อเนื่องในปีนี้ โดยรายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์แบรนด์ WACOAL รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์ บีเอสซี ลาคอสก์ และแอร์โรว
สำหรับ บมจ.ไทยวาโก้(WACOA) ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% เช่นกัน มาอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท จากปี 52 ที่มีรายได้ 2,800-2,900 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสินค้าใหม่ของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้ ประกอบด้วย ชุดชั้นใน"วาโก้ คูล"ผลิตล็อตแรก 60,000-70,000 ตัว เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้า 20-30 แห่งแล้ว และมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าคนรุ่นใหม่ เนื่องจากไทยเป็นเมืองร้อน และหลังจากนี้จะมีการออกชุดชั้นใน วาโก้ บีเลิฟ ในกลางเดือน ส.ค. และไตรมาส 4/53 จะออกชุดชั้นในคอลเล็กชั่นเซ็กซี่ ซึ่งเป็นช่วงใกล้เทศกาลต่างๆ
ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-พ.ค.53) ยอดขาย WACOAL เติบโตประมาณเกือบ 10% ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากยอดขายสะดุดช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ที่มีการชุมนุมทางการเมือง ทำให้ยอดขายช่วงดังกล่าวเติบโตแค่ 5-6% สาขาที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือ สาขาในห้างสรรพสินค้าเซนและอิเซตัน ซึ่งปกตืทำยอดขายดีมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์การเมืองสงบลง ยอดขายของบริษัทกลับมาเติบโตขึ้นอีก ทำให้คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี และกำลังซื้อประชาชนเริ่มกลับมาแล้ว เพราะมีบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ของ WACOAL ไปยังประเทศญี่ป่นและสหรัฐมียอดขายสัดส่วน 30% ของยอดการผลิต และขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อจากอินโดนีเซียและไต้หวันด้วย
นายธรรมรัตน์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบการตลาดในหลักร้อยล้านบาทเพื่อสนับสนุนการออกสินค้าตัวใหม่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังและโอกาสครบรอบ 40 ปีชุดชั้นในวาโก้ คาดว่าจะขายชุดชั้นในได้ 50 ล้านชิ้นในปีนี้ ขณะที่งานสหพัฒน์แฟร์ 1-4 ก.ค.53 คาดว่าจะมียอดขาย 30 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนพร้อมจับจ่ายแล้ว