นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยออยล์(TOP) กล่าวว่า บริษัทเตรียมแผนลงทุนในธุรกิจเอทานอลเพิ่มเติมหากความต้องการใช้ภายในประเทศสูงขึ้นเป็น 2 ล้านลิตร/วัน โดยคาดว่าจะสามารถใช้เงินลงทุน 800-1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอลอีก 2 แสนลิตร/วัน
"รัฐบาลต้องเร่งให้ประชาชนหันมาใช้แก๊สโซฮอลล์ให้มากเพราะจะช่วยผู้ประกอบการเอทานอล เพราะตอนนี้การใช้ในประเทศเพียง 13. ล้านลิตรต่อวันแต่ผลิตได้ถึง 3 ล้านลิตร ถ้าจะให้อยู่ได้ต้องให้มีการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น ถ้าความต้องการใชเพิ่มเป็น 2 ล้านลิตร ค่อยลงทุนเพิ่มถ้า 2 แสนลิตรต่อวันใช้เงิน 800-1 พันล้านบาท"นายสุรงค์ กล่าว
อนึ่ง ล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ทรัพย์ทิพย์ จำกัด ในการดำเนินธุรกิจเอทานอล โดยใช้เงินลงทุน 680 ล้านบาท ในการเข้าไปถือหุ้นร้อยละ 50 โดยบริษัท ไทยออยล์เอทานอล ซึ่งบมจ.ไทยออยล์ ถือหุ้น 100% ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิต 2 แสนลิตรต่อวัน
นอกจากนั้น บริษัทมียังแผนเข้าประมูลโรงไฟฟ้า SPP ที่กำลังจะเปิดประมูลรอบใหม่ ขนาดประมาณ 100 เมกะวัตต์เพื่อส่งขายไฟและใช้เองในกิจการเพื่อลดต้นทุนการผลิตของบริษัท
ส่วนแผนขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนอีก 1 แสนตัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 4 แสนตัน/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับเอสโซ่ สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ บริษัทเน้นการลงทุนด้านปิโตรเคมีที่ต่อยอดธุรกิจเดิมและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์
นายสุรงค์ กล่าวต่อว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทขาดทุนสต็อกน้ำมันในไตรมาส 2/53 ลดลงจากเดิมที่ลงไปถึง 73 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อราคาน้ำมันขยับมาอยู่ที่ 76 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้การขาดทุนสต็อกน้ำมันน้อยลง แต่บริษัทยังคงประเมินราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ที่ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่ากว่าราคาที่คาดไว้ทั้งปี แต่เชื่อว่าไตรมาส 3/53 ทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะเป็นช่วงที่มีพายุเฮอริเคน
"ไตรมาส 2 รายได้กำไรต่ำกว่าไตรมาส 1 แน่ๆ เพราะเราขาดทุนสต็อกน้ำมัน แม้ว่าจะเป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น แต่ช่วงนี้หลังราคาน้ำมันกระเตื้องขึ้นาที่ 76 เหรียญฯ ยังถือว่าดีกว่าเดิมที่ 73 เหรียญฯ ขาดทุนสต็อกคงลดลง แต่ทั้งปีเราประเมินราคาน้ำมันไว้ที่ 80 เหรียญฯ ตอนนี้ยังไม่ถึงแต่ทั้งปียังหวังว่าจะได้เห็นราคานี้"นายสุรงค์ กล่าว