รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ระบุว่าแนวคิดที่สนับสนุนให้มีการยิงดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นไปแทน"ไทยคม"เนื่องจากเชื่อว่าจะใช้เงินลงทุนเพียง 3.5-6.0 พันล้านบาท ซึ่งคุ้มค่ากว่าการที่รับบาลจะใช้เงินเข้าซื้อกิจการของบมจ.ไทยคม (THCOM)ที่หลาฝ่ายประเมินว่าน่าจะมีราคาแพงในระดับหมื่นล้านบาท
"มีฝ่ายวิชาการเสนอมาว่าถ้าหุ้นไทยคมแพง ยิงดาวเทียมเองถูกกว่า ทุกคนที่มีข้อเสนอมา ทุกคนพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เราไม่ได้ปิดกั้นไม่ว่าจะวิธีไหน มีอยู่ 4-5 วิธี ว่าวิธีไหนก็ได้ที่ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ยึดติดรูปแบบไหนทั้งสิ้น"นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
วานนี้นายกรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะทำงานพิจารณา 4ท ทางเลือกแก้ไขปัญหาดาวเทียมไทยคม ได้แก่ การซื้อหุ้น THCOM คืน , การยึดสัญญาสัปมทานจาก THCOM , รัฐบาลยิงดาวเทียมด่วงใหม่เอง หรือ ให้เอกชนเป็นผู้ยิงดาวเทียมโดยให้สัญญาสัมปทาน รวมทั้งให้ก.ไอซีทีไอพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายเพิ่มเติม
นายจุติ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีในอดีตกำหนดว่าต้องมีดาวเทียมเพื่อรักษาวงโคจรของประเทศ ฉะนั้นทางออกก็คือต้องยิงดาวเทียมใหม่ หรือไม่ลากจากของคนอื่นหรือต่างประเทศที่เขาจะขายเข้ามา หรือว่าไปเช่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ง่าย แต่ก็เป็นหนึ่งในทางออกที่น่าสนใจ ส่วนดาวเทียมของ THCOM ก็ต้องดูว่ามีไว้เพื่ออะไร เพราะวงโคจรเป็นของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การจะยิงดาวเทียมใหม่หรือให้สัมปทานกับเอกชนรายใหม่ในการทำธุรกิจดาวเทียม ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทช.) และ กระทรวงไอซีที จะพิจารณา แต่ประเด็นสำคัญ คือต้องรักษาวงโคจรของประเทศไทยให้ไว้ได้ด้วย
ส่วนการจะตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น THCOM หรือไม่ขึ้นกับการพิจารณากระทรวงการคลัง และรอผลการพิจารณาคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน มาตรา 22 ที่จะส่งมาภายในวันที่ 7 ก.ค.นี้ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป รวมทั้งสัญญาสัมปทานดาวเทียมกับ THCOM ต้องไปศึกษาข้อจำกัดทางกฎหมาย
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ปัญหาสัญญาสัมปทานกับ THCOM มีรายละเอียดมาก และต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน มาตรา 22 ว่า บริษัทได้ดำเนินการผิดสัญญาสัมปทานหรือไม่