CCP มั่นใจเริ่มพลิกมีกำไร Q3/53 ตั้งความหวังปี 54 กลับคืนมาผงาดวงการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 24, 2010 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี(CCP)มั่นใจไตรมาส 3/53 เริ่มพลิกกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 139.97 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 30% ขณะที่รายได้คาดเติบโต 30% มาที่ 2.8 พันล้านบาท เป็นระดับเดียวกับปี 49 หลังจากที่บริษัทได้งานใหม่เข้ามาแล้ว 700 ล้านบาทในครึ่งปีแรก จากปลายปีก่อนที่มีงานในมือ(backlog)อยู่ 900 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 1,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้ได้ถึงปลายปี 54

ในฃ่วงครึ่งปีหลังคาดว่าบริษัทจะได้รับงานใหม่มากกว่าครึ่งแรก จากงานเมกะโปรเจ็กท์เริ่มทยอยออกมา รวมทั้งโครงการภายใต้งบไทยเข้มแข็ง คาดว่าจะงานใหม่จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หลังจากผู้ชนะประมูล 1 สัญญาได้ติดต่อเข้ามาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้งานวัสดุก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้กับ CCP เจ้าเดียวเป็นเงิน 600 ล้านบาท

"เรายังคงเป้ารายได้โต 30% ตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.- พ.ค.น่าจะปรับเป้าลง แต่เห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไปได้...กำไรสุทธิปีนี้ควรจะมีอัตราเติบโตสูงกว่ารายได้ เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นค่าเสื่อมที่คงที่"นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ CCP ให้สัมภาษณ์"อินโฟเควสท์"

นายชาคริต คาดว่า ในปี 53 จะมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 10-15% ซึ่งแต่ตั้งแต่ต้นปีก็สูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากไตรมาส 1/53 ดีกว่าไตรมาส 1/52 จาก 8.6% เป็น 10.8% นอกจากนั้น คาดว่ารายได้ไตรมาส 2/53 ก็จะดีกว่าไตรมาส 1/53 ที่มีรายได้รวม 488.1 ล้านบาท

แต่ยอมรับว่ายังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มเห็นกำไรในไตรมาส 2/53 หรือไม่ เพราะงานเริ่มเข้ามาแล้ว แต่ก็มีการแข่งขันด้านราคากันมาก อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะเห็นกำไรได้ชัดเจนในไตรมาส 3/53 เพราะงานในมือที่มีจะรับรู้เต็มที่ในไตรมาสนี้ ประกอบกับ คาดว่างานใหม่จะทยอยเข้ามามากในครึ่งหลังของปี สูงกว่าครึ่งแรกของปีที่ทำได้ 700 ล้านบาทโดย 600 ล้านบาทมาจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงจาก STEC และงานสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ อีก 100 ล้านบาท

"วันนี้เราเห็นภาพดีขึ้นกว่า 2 ปีที่แล้ว ไตรมาส 2 กำไรอาจจะปริ่มๆ แต่ไตรมาส 3 ค่อนข้างมั่นใจเห็นกำไร"นายชาคริต กล่าว

เขาเห็นว่า สถานการณ์การเมืองน่าจะนิ่งแล้วและคิดว่าปีนี้ไม่น่าจะเหตุการณ์เลวร้ายอีก ถ้าเป็นอย่างที่ประเมินไว้ เชื่อแน่ว่าโครงการเมกะโปรเจ็กท์หลายโครงการ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าหลายเส้นเตรียมทยอยออกมาแน่นอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อ CCP ที่สามารถรองรับงานโครงการใหญ่ได้ โดยเฉพาะโครงการภาครัฐ ที่ผ่านมาบริษัทเคยมี backlog สูงถึง 2,200 ล้านบาท และสามารถสร้างกำไรได้ดีมาก เชื่อว่าปีหน้าอาจจะเห็นดีกว่าที่เคยทำมาได้ในอดีต

"ปีหน้า เราน่าจะดีกว่าปีนี้ แต่จะโตเท่าไรต้องรอไตรมาส 4 คิดว่าน่าจะคาดการณ์ได้ดีกว่านี้..มองว่าปีหน้าsector รับเหมา วัสดุก่อสร้างน่าจะดี"นายชาคริต กล่าว

นายชาคริต กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทที่มีสินค้าสำคัญทั้งคอนกรีตผสมเสร็จ คอนกรีตขึ้นรูป ที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ มีคู่แข่งน้อยราย โอกาสที่บริษัทได้รับงานใหญ่ก็มีสูงขึ้น บวกกับประสบการณ์บริษัทมากกว่า 30 ปี โดยคาดว่างานจากภาครัฐจะสูงขึ้น

ปัจจุบันงานในมือมีสัดส่วน 50% เป็นงานภาครัฐ และงานภาคเอกชน 50% โดยงานภาคชนเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ที่งานภาครัฐหายไป เนื่องจากบริษัทหันมารับงานคอนโดฯ ที่อยู่อาศัย จากก่อนหน้ามีงานภาครัฐไปถึง 70%

*ฐานะการเงินเริ่มแข็งแกร่ง

นายชาคริต กล่าวว่า บริษัทได้ทำการประนอมหนี้โดยยืดอายุชำระกับสถาบันการเงินวงเงิน 800 ล้านบาท โดยภายในปีนี้หากบริษัทสามารถทำได้ตามแผน ก็จะได้ส่วนลดหนี้ประมาณ 140 ล้านบาท คาดว่าจะนำไปล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือราวกว่า 100 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทมีการใช้กำลังการผลิตในส่วนอิฐมวลเบาไปถึง 80% ของกำลังการผลิต 2 ล้านตร.ม./ปี ทำให้บริษัทเตรียมแผนจะขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่บริษัทพอจะลงทุนเองได้

นายชาคริต กล่าวว่า CCP เคยประสบผลขาดทุนมาตั้งแต่ปี 49 ติดต่อมา 4 ปีจนถึงปี 52 และในไตรมาสแรกทีผ่านมาก็ยังขาดทุนอยู่ เหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทผลขาดทุนต่อเนื่อง มาจากการลงทุนธุรกิจใหม่ คือ อิฐมวลเบา ซึ่งบริษัทไม่มีความชำนาญด้านการผลิต ทำให้เกิดความสุญเสียอย่างมากถึง 30% แต่วันนี้ CCP ได้เรียนรู้การผลิตอย่างดีแล้ว ส่งผลให้อิฐมวลเบามีส่วนแบ่งตลาดเป็นในอันดับ 2

ส่วนธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จและคอนกรีตขึ้นรูป บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอันดับต้น หรือ 1 ใน 5 ที่สามารถรับงานขนาดใหญ่ได้ โดยมีกำลังการผลิต 1.4 ล้านลบ.ม./ปี สำหรับคอนกรีตผสมเสร็จ และคอนกรีตขึ้นรูปมีกำลังการผลิต 2 แสนลบ.ม./ปี โดยปัจจุบันใช้กำลังการผลิตราว 50-60%

ประกอบกับการปรับปรุงระบบบัญชขีใหม่ ทำให้บริษัทสามารถลดการสต็อกสินค้าและสามารถรู้ต้นทุนได้ทันการณ์ สามารถช่วยบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ทำให้เขามั่นใจว่า วันนี้ CCP พร้อมจะลุยไปข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ