ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 145.64 จุด หลังนักลงทุนผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 25, 2010 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการยกเครื่องระบบการเงินของสหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 145.64 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 10,152.80 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 18.35 จุด หรือ 1.68% ปิดที่ 1,073.70 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 36.81 จุด หรือ 1.63% ปิดที่ 2,217.42 จุด

ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 8.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.1% มาอยู่ที่ระดับ 1.92 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มิ.ย.ลดลงเพียง 19,000 ราย สู่ระดับ 457,000 ราย ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลง แต่จำนวนคนว่างงานยังนับว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากการที่บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐพากันปรับลดแนวโน้มคาดการณ์ผลประกอบการ โดยบริษัทไนกี้ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาระบุว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นอาจฉุดผลประกอบการของบริษัทร่วงลงด้วย ขณะที่บริษัทเบดบาธ แอนด์ บียอนด์ และบริษัทเดลล์ อิงค์ ประกาศปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นไนกี้ร่วงลง 4% หุ้นเบดบาธ แอนด์ บียอนด์ ปิดลบ 2.4% และหุ้นเดลล์ปิดร่วงลง 6.4%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกกังวลต่อข่าวที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐยังคงเดินหน้าอภิปรายเรื่องมาตรการยกเครื่องระบบการเงิน โดยบรรดาผู้นำพรรคเดโมแครทต้องการให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเพราะกังวลว่ากฎหมายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในภาคธนาคาร ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.7% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 2.2%

ส่วนการประเมินเศรษฐกิจแบบระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ด้วย โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดออกแถลงการณ์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ 'ยังคงดำเนินต่อไป' ขณะที่ตลาดแรงงานค่อยๆปรับตัวดีขึ้นและตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ เฟดระบุว่าวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาสแรกปีนี้ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ