หุ้น BTS ปิดเทรดช่วงเช้าราคาพุ่งขึ้น 7.89% มาอยู่ที่ 0.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 600.03 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.77 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.83 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.77 บาท
Fund Survey บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลว่ามีกองทุนไทยประมาณ 3 กองทุนเข้าซื้อหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS)ต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าราคาหุ้น BTS จะปรับตัวขึ้นมา 37% แต่ด้วยศักยภาพของการเติบโตของธุรกิจโฆษณาและธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ริมเส้นทางรถไฟฟ้า 1.8 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะผลักดันราคาหุ้นขึ้นไปต่อเนื่อง จึงแนะนำ"ถือ"
ขณะที่ บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า การเข้าควบคุมกิจการของ BTS คาดว่าทำให้เกิดส่วนต่ำมูลค่าหุ้น (Discount on share) ของบริษัทที่ควบรวมแล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท บวกกับขาดทุนสะสมของ BTS อีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จึงคาดว่า BTS น่าจะต้องอาศัยการลดพาร์ลงจาก 1 บาทเหลือ 0.75 บาทเพื่อล้างขาดทุนสะสม และทำให้กลับมาจ่ายปันผลได้ แต่คาดว่าปันผลในช่วง 2 ปีแรก(ปี 53—54)จะอยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 0.01 บาท/หุ้น เนื่องจากบริษัทยังมีภาระคืนเงินที่กู้มาเพื่อซื้อกิจการของ BTSC (รถไฟฟ้า)
อย่างไรก็ตาม BTS อาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการที่นายต่าง เสี่ยว เฟง ผู้บริหารของบริษัท ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด ประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าให้สัมภาษณ์ว่าอาจร่วมมือกับ BTS ในการลงทุนระดับภูมิภาคทั้งพม่า ลาว และเวียดนาม เป็นต้น ประมาณการของเราจะได้ราคาเหมาะสมที่ 0.90-1.00 บาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
เช้านี้มีรายงานข่าวว่า นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS มั่นใจว่าผลประกอบการปี 53 (เม.ย.53-มี.ค.54)จะมีกำไรและจ่ายปันผลได้แน่นอน เพราะปริมาณผู้โดยสารอยู่ในระดับดีเฉลี่ยวันธรรมดาที่ 4.7 แสนคนต่อวัน และเคยสูงสุดถึง 5.7 แสนคนต่อวัน แม้ช่วงการชุมนุมต้องปิดให้บริการรวม 8 วัน แต่ผลกระทบก็ไม่มากอย่างที่กังวล โดยมีนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถไฟฟ้าลดลงเล็กน้อย จากปกติอยู่ที่ 10,000-50,000 คน/วัน ซึ่ง BTS ร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ 150 ล้านบาทด้วยการชดเชยในรูปแบบใดก็ได้
และ ล่าสุด 25 มิถุนายน 53 BTS เพิ่งรับมอบรถใหม่อีก 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ จากบริษัท ฉางชุน เรลเลย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด มูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาวิ่งทดสอบอีก 4-6 เดือน ก่อนนำมาให้บริการ