หุ้น SPALI ราคาพุ่งขึ้น 8.89% มาอยู่ที่ 9.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 123.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 9.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 9.10 บาท
ล่าสุดเมื่อ 11.19 น.หุ้น SPALI อยู่ที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+8.33%)มูลค่าซื้อขาย 125.60 ล้านบาท
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศุภาลัย(SPALI)ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 10.90 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 7.30 บาทต่อหุ้น มีมุมมองที่เป็นบวกต่อ SPALI และเชื่อว่าในปี 2553 SPALI จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางปัจจัยลบของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นผลมาจากการสะสม Backlog ที่แข็งแกร่ง
โดยเฉพาะใน 2H/53 ที่การรับรู้จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้องปรับประมาณรายได้และกำไรสุทธิของปี 2553 เพิ่มขึ้น 10% และ 10.5% ตามลำดับ เป็นเท่ากับ 11,780 ล้านบาทและ 2,763 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งสะท้อนอัตราการเติบโต 22.5% yoy และ 11.6% yoy ตามลำดับ และยังคาดหวังการจ่าย Interim ของงวด 1H/53 ที่เท่ากับ 0.30 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.3%
เนื่องจากใน Q2/53 SPALI ไม่มีการรับรู้รายได้ก้อนใหญ่จากโครงการคอนโดมิเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จดังเช่นใน Q1 และ 2H/53 ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้ออกไป ทำให้คาดว่าผลประกอบการของ Q2/53 จะอ่อนตัวลงทั้ง yoy และ qoq
อย่างไรก็ตามใน 2H/53 ประเมินว่าผลประกอบการจะกลับมาโดดเด่น จากการรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการ เช่น Supalai Park เกษตร Supalai Premiere สาทร-นราธิวาส และ Supalai Premiere รัชดา ประกอบกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยทำให้คาดว่าผลประกอบการใน 2H/53 จะมีน้ำหนักมากกว่า 1H/53
นอกจากนี้ SPALI มียอด Backlog สะสมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 18,316 ล้านบาท ซึ่ง 5,968 ล้านบาท (32.6%) จะถูกรับรู้ในปี 2553 มูลค่า 5,860 ล้านบาท (32%) จะรับรู้ในปี 2554 มูลค่า 3,689 ล้านบาท (20%) จะรับรู้ในปี 2555 และส่วนที่เหลืออีก 2,799 ล้านบาทจะรับรู้ในปี 2556นอกจากนี้หลังจากที่ใน Q1/53 SPALI เปิดโครงการใหม่ไป 2 โครงการดังนั้นใน 2H/53 จึงเหลือโครงการใหม่ที่จะเปิดอีก 12 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท