MILL คงเป้ารายได้ปี 53โต 10-15%มาที่ 1.2 หมื่นลบ.,กำไรโตทิศทางเดียวกัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 30, 2010 10:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริการ บมจ. บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL)เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้รวมในปี 53 เติบโต 10-15% มาที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จาก 1 หมื่นล้านบาทในปี 52 และเชื่อว่ากำไรน่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ เนื่องจากราคาเหล็กยังทรงตัวและแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะเป็นขาขึ้น จากขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ขณะเดียวกันความต้องการของตลาดก็ปรับตัวดีกว่าปีก่อนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ มาถึงปีนี้เศรษฐกิจดีขึ้นผู้ประกอบการมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์

ยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในประเทศและส่วนหนึ่งส่งออก ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดในสหรัฐ เพราะจะกลับมาฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ จากปัจจุบันที่บริษัทเน้นตลาดออสเตรเลีย แคนาดา และ ฮ่องกง โดยขณะนี้บริษัทมีคำสั่งซื้อในมือแล้ว 7-8 หมื่นตัน จะทยอยส่งมอบภายใน 2-3 เดือน เชื่อว่าจะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ รายได้และกำไรในไตรมาส 2/53 ดีกว่าไตรมาส 1/53 และ ไตรมาส 5/52 ตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

"รายได้และกำไรปีนี้โต 10-15% โตตามดีมานด์และวอลุ่มในประเทศไทย ความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์ และถ้าโครงการกรีนมิลล์โปรเจ็คเสร็จ มาร์จิ้นเพิ่มก็น่าจะเห็นรายได้และกำไรโตก้าวกระโดดในปี 55 ที่โครงการนี้จะแล้วเสร็จ"นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวว่า หลังจากโครงการ Green Mill แล้วเสร็จในปี 55 จะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอัตราการทำกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-8% เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการผลิตเหล็กเส้นลงได้ เพราะช่วยทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบ

นอกจากนั้นยังช่วยให้บริษัทสามารถวางแผนการผลิตในกระบวนการต่อเนื่องได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะโครงการ Green Mill จะช่วยตอบโจทย์ความแน่นอนของการป้อนวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทสามารถขยายการผลิตเพิ่มขึ้นได้ จากปัจจุบันที่มีอัตราการใช้กำลังการผบิตอยู่ที่ 60-70% โดยในอนาคตก็อาจจะขยายไลน์การผลิตหรือเพิ่มอัตราการผลิตขึ้น รวมทั้งสามารถพัฒนากลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีก

ปัจจุบัน บริษัทมีการผลิตเหล็กเส้น 5 แสนตัน/ปี เหล็กรูปพรรณ 3 แสนตัน/ปี โดยผลผลิตทั้งหมดแบ่งเป็นเหล็กเกรดปกติ 90% และเกรดพิเศษ 10% เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นบริษัทก็จะทยอยขยับเพิ่มการผลิตเหล็กชนิดพิเศษขึ้นเรื่อย ๆ

นายสิทธิชัย กล่าวว่า บริษัทมองว่าราคาหุ้น MILL น่าจะปรับตัวดีขึ้นในแง่บวก เพราะขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศก็ได้ใส่เงินเพิ่มทุนตามการเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)เข้ามาแล้ว ขณะนี้ได้ใช้เงินเกือบ 1 พันล้านบาทแล้ว ราคาหุ้นของบริษัทก็น่าจะดีขึ้นเพราะผลประกอบการและการทำกำไรดี ผลสุดท้ายก็จะสะท้อนไปที่ราคาหุ้น ส่วนการจ่ายเงินปันผลยังคงนโยบายที่ 40% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ