(เพิ่มเติม) HEMRAJ คาดปี 53 รายได้โต 80% กำไรโต 50%, เตรียมออกหุ้นกู้อีก 2 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 30, 2010 13:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) ปรับเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 1 พันไร่จากเดิม 800 ไร่หลังจากค่ายรถยนต์ใหญ่"ฟอร์ด"เข้าซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง 468 ไร่ เพื่อลงทุนตั้งโรงงานใหม่ จึงมองว่ามีโอกาสที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จะมีการขยายการลงทุนตามมาด้วย

HEMRAJ คาดว่าในปี 53 รายได้รวมน่าจะเติบโตได้ถึง 80% จากปีก่อน ขณะที่กำไรจะเติบโตราว 50% ซึ่งนอกจากที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมแล้ว บริษัทยังมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพและใกล้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยบริษัทเตรียมงบลงทุนในปีนี้ไว้ประมาณ 5 พันล้านบาทในการขยายธุรกิจ

บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อีก 2 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะกำหนดอายุหุ้นกู้เพิ่มเป็น 7 ปี คาดว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5.5-6.0% ต่อปี จากในช่วงครึ่งปีแรกออกหุ้นกู้ไปแล้ว 3 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี

นายเดวิด นาล์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าวว่า บริษัทมียอดขายที่ดินแล้ว 609 ไร่ในช่วงที่ผ่านมา เป็นลูกค้าใหม่ 10 ราย เป็นสัญญาใหม่ 19 สัญญา ถือเป็นยอดขายที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการติดตามการขายที่ดินอย่างใกล้ชิด

ขณะที่บริษัทคาดว่ารายได้จากสาธารณูโภคในนิคมฯ ในปี 53 จะเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบปี 52 ที่มีรายได้ 960 ล้านบาท และจะปรับตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนแตะ 2 พันล้านบาทในปี 59

ส่วนรายได้จากโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า ปีนี้จะเติบโต 35% หลังจากปี 52 รายได้ซบเซา ซึ่งบริษัทก็กำลังเตรียมแผนจะสร้างโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาที่ 10,000-15,000 ตร.ม.จากปัจจุบันส่วนใหญ่มีพื้นที่ 4,500-5,000 ตร.ม.และปรับสัญญาเช่าให้นานขึ้นเป็น 6-10 ปี โดยครึ่งปีหลังมีเป้าหมายสร้างโรงงานเพิ่มอีก 3-5 โรง จากครึ่งปีแรกมี 7 โรง

บริษัทได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 5.2 พันล้านบาท เพื่อใช้ในธุรกิจด้านพลังงานจำนวน 1.4 พันล้านบาท ด้านสาธารณูปโภค 300 ล้านบาท ซื้อธุรกิจใหม่ 1 พันล้านบาท และที่เหลือพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3 โครงการใหม่ ประกอบด้วยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หรือโรงแรม ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด เป้าหมายคือเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในนิคมฯและพื้นที่ใกล้เคียง

ส่วนอีก 2 โครงการเป็นคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ แบ่งเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ และโครงการตามแนวรถไฟฟ้า หลังอาคารยูเอ็ม ทาวเวอร์ ที่บริษัทมีที่ดิน 2.5 ไร่

บริษัทยังได้เตรียมงบอีกส่วนหนึ่งราว 1 พันล้านบาทเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เอส ไอ แอล เพิ่มอีก 75% จากกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย จากปัจจุบัน HEMRAJ ถือหุ้นอยู่แล้ว 25% โดยมองว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่ต้องมีการขยายการลงทุน คาดว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/53 และคาดว่าจะรับรู้รายได้ 100% ในต้นปี 54

นายเดวิด มองว่าปีนี้อุตสาหกรรมกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนจะฟื้นกลับมาขยายการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากบริษัท ซุซูกิ ที่กำลังก่อสร้างโรงงาน กลุ่มจีเอ็มสร้างโรงงานใหม่และกำลังเปิดดำเนินการ และค่ายฟอร์ดซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ซึ่ง 3 ค่ายรถยนต์ดังกล่าว สะท้อนถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวชัดเจน

นอกจากนี้ ในปี 54 คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะเริ่มกลับมาขยายการลงทุน แม้ปีนี้จะมียอดขายที่ดินในกลุ่มปิโตรเคมีไม่มาก แต่คาดว่าปีหน้าจะมียอดขายที่ดินในอุตสาหกรรมดังกล่าวเติบโตประมาณ 15% ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้าใหม่ๆ ของบริษัท หลายอุตสาหกรรมที่ลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย อาจมีการย้ายฐานการผลิตมาในจีน อินเดีย และไทย เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีต่อบริษัท

ส่วนการที่บริษัทเข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้ากับทาง GLOW Energy คาดว่าในปี 55 จะทำให้รายได้และกำไรเติบโตขอบริษัทเป็นเท่าตัวจากปี 53

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดหมุนเวียนมากกว่า 2.5 พันล้านบาท และหลังออกหุ้นกู้แล้ว จะทำให้มีเงินสดในมืออยู่ระดับ 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นความได้เปรียบการลงทุน และทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ