นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนและการตลาดลูกค้าบุคคล บล.ทิสโก้ ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/53 ยังคงผันผวน และมีโอกาสแตะจุดสูงสุดของไตรมาสช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ระดับ 870 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีคือปัญหาหนี้ของประเทศแถบยูโรโซน ขณะที่คาดว่าเม็ดเงินต่างชาติจะไหลกลับมาในช่วงปลายไตรมาส 3/53 จากนั้นตลาดหุ้นไทยจะคึกคักมากในช่วงไตรมาส 4/53
ในช่วงเดือน ก.ค.53 คาดว่าระหว่าง 1-9 ก.ค.ดัชนี SET จะลงปรับฐานทดสอบ 785 จุด ก่อนปรับตัวขึ้นมาทะลุ 810 และไปได้ถึง 840 จุดในช่วงปลายเดือน ก.ค.จากนั้นในเดือนส.ค.ดัชนี SET น่าจะปรับตัวขึ้นไปต่อได้ที่ 870 จุดอาจสูงสุดที่กลางเดือน ส.ค.
"ที่มองสัปดาห์แรกของก.ค.จะปรับลงก่อนเพราะมีข่าวร้ายพรุ่งนี้ยุโรปจะมีเรื่องการคืนเงินกู้ระยะสั้น 1 ปี 4.4 หมื่นล้านยูโร จะมีปัญหาสภาพคล่องอียูไม่พอ และทุกเดือนยุโรปยังจะมีเรื่องคืนเงินกู้เฉลี่ย 5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะไปเสร็จสิ้นในปลายไตรมาส 3/53 จากนั้นคาดว่าหุ้นจะบูมในไตรมาส 4"นายวิวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเชิง fundamental ปีนี้ยังมองเป้าดัชนี SET ที่ 837 จุด แต่ปลายปีคงจะมีการปรับขึ้นเพราะหลายโบรกฯปรับขึ้นกันหมดแล้ว
สาเหตุที่คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังไปต่อได้หลังจากสัปดาห์หน้าไปแล้ว เพราะขณะนี้หุ้นไทยราคาถูก มูลค่าหุ้นทางบัญชีสูงกว่าราคาหุ้น 1.6 เท่า และค่า PE อยู่ที่ 12 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตของผลประกอบการ(earning growth)บริษัทจดทะเบียนน่าจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด คืออาจจะเติบโตได้ถึง 16-17% จากต้นปีที่คาดว่าจะเติบโต 13-14%
"หุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดปรับฐานลง เลยสัปดาห์นี้หุ้นจะวิ่งถ้าทะลุ 810 จุด น่าจะมีตะลุมบอนซื้อ จากพวกกองทุน พอร์ตโบรกฯ รายย่อย ช่วงนี้ (สัปดาห์นี้) ทยอยซื้อ และถือรอเลยสัปดาห์หน้าไปแล้ว"นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อสุทธิในช่วงปลายไตรมาส 3/53 หลังจากเทขายหนักช่วงเดือน พ.ค.53 ซึ่งขณะนี้ไม่ได้กลัวว่าต่างชาติจะขาย แต่เกรงว่ากองทุนจะขายมากกกว่า เพราะต่างชาติมีหุ้นพร้อมขายอยู่ในมือไม่มากแล้ว เพราะถ้านับจาก 10 มี.ค.52 ถึง 26 พ.ค.53 ต่างชาติยังซื้อสุทธิ 35,200 ล้านบาท และเมื่อเกิดวิกฤตหนี้อียูจาก 7 เม.ย.-15 มิ.ย.รอบเกือบ 2 เดือนครึ่งต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว 73,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากเทียบกับในอดีตที่ต่างชาติเคยถือหุ้นไทยถึง 2.5-3 แสนล้านบาท ตอนนี้เหลือต่างชาติถือหุ้นอยู่แค่ 10% ของในอดีตเท่านั้น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า หุ้นที่ outperform ในไตรมาส 3/53 ได้แก่ TCAP, BBL, KTB, KBANK, SCC, TASCO, SAT, CPF, TUF, STEC, CK, DTAC, ADVANC, LPN, PS, SPALI, HEMRAJ, AMATA และ BTS
สำหรับปัจจัยหุ้นกลุ่มสื่อสารนั้น เรื่อง 3G คาดว่าจะจบภายในเดือน ต.ค.,หุ้นกลุ่มรับเหมากำไรดีมาก เพราะราคาเหล็กและราคาน้ำมันปรับลดลง งานในมือ(backlog)เพิ่มขึ้นมามาก ส่วน BTS เล่นข่าวโครงการพัฒนาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า 18,000 ล้านบาท และมีข่าวจับมือกับพันธมิตรรับงานต่างประเทศ