ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ชะลอตัวลง และข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ขู่ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลงถึง 2 ขั้น นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐด้วย
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 111.12 จุด หรือ 2.3% ปิดที่ 4,805.75 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนถูกเทขายอย่างหนักหลังจากสมาพันธ์ลอจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตในประเทศจีน อยู่ที่ระดับ 52.1 จุดในเดือนมิ.ย. ลดลง 1.8% จากเดือนพ.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 53.2 จุด แม้ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดเป็นเวลา 16 เดือนติดต่อกัน แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.เคลื่อนไหวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้นั้น บ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง
ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับเครดิต Aaa ของสเปน และเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตของสเปน
โดยมูดีส์กล่าวว่า "เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว และความท้าทายที่สเปนจะต้องไปให้ถึงเป้าหมายด้านการคลัง อาจทำให้สเปนถูกปรับลดอันดับเครดิตลงมากถึง 2 ขั้น มูดีส์จะพิจารณาเรื่องการทบทวนอันดับเครดิตของสเปนภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้"
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 4.5% หลังจากราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ แต่หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากสกาย นิวส์ รายงานว่า บีพีกำลังเจรจากับบริษัทไชน่า เนชันแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป เพื่อขายทรัพย์สินของบีพีในอาร์เจนติน่า มูลค่า 9.1 พันล้านดอลลาร์