ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเปิดตลาดร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดลดลง 69.43 จุด หรือ 0.34% แตะ 20,059.56 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดลดลง 0.10% แตะระดับ 2,371.32 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นตกลง 0.13% แตะที่ 9,192.10 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นมะนิลาเปิดตลาดอ่อนลง 2.18 จุด แตะที่ 3,313.08 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 42.96 จุด แตะที่ 9,234.56 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดตลาดบวก 12.20 จุด แตะที่ 4,249.70 จุด
ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 472,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 452,000 ราย และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ประกอบการยังคงเลย์ออฟพนักงานมากขึ้น
รายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมิ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะร่วง 110,000 ตำแหน่ง เนื่องจากการจ้างพนักงานชั่วคราวของภาครัฐในส่วนของงานสำมะโนประชากรนั้น มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ระดับ 9.7%
ขณะที่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 77.6 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และร่วงลง 15.9% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ส่วนดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านในเดือนเม.ย.ปีนี้อยู่ที่ระดับ 110.9 จุด
นอกจากนี้ สำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด
หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ ร่วงลง 0.6% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นโตเกียว หลังจากมีข้อมูลชี้ว่า บริษัทญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทำยอดขายได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทสหรัฐ ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้นอย่างน้อย 0.8% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นออสเตเรลีย หลังจากมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด กำลังพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีสินค้าโภคภัณฑ์