ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรและสินค้าโภคภัณฑ์เดินหน้าขึ้น หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียและบริษัทในอุตสาหกรรมเหมืองสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการจัดเก็บภาษี
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 32.34 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 4,838.09 จุด หลังจากที่ร่วงลง 2.3% ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดี
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้ปัจจัยหนุนจากการที่ นางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีหญิงของออสเตรเลียประกาศนโยบายเรื่องการจัดเก็บภาษีใหม่ หลังจากที่ได้เจรจากับบริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่จนได้ข้อตกลงในลักษณะที่มีการประนีประนอมมากกว่าเดิม
นโยบายใหม่นี้ได้กำหนดให้มีการปรับแผนการเก็บภาษีกำไรพิเศษด้านทรัพยากร โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศงดเว้นการจัดเก็บภาษีสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกรายการ และจะลดการเก็บภาษีจากกำไรสินแร่เหล็กและถ่านหินจากเดิมที่ 40% เหลือ 30%
บีเอชพี บิลลิตัน และ ริโอ ทินโต สองบริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของโลก บวก 1.7% และ 1% ตามลำดับ
เอ็กซ์สตราตา เพิ่มขึ้น 3% โดยบริษัทเหมืองซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าจะกลับมาเดินหน้าแผนการขยายโครงการเหมืองในประเทศออสเตรเลียอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียชุดใหม่ยอมลดการจัดเก็บภาษีดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เอ็กซ์สตราตาได้ตัดสินใจตัดงบใช้จ่ายสำหรับโครงการต่างๆในออสเตรเลียเป็นมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับโครงการที่เอ็กซ์สตราตาเดินหน้าต่อคือ เหมืองทองแดงในรัฐควีนส์แลนด์มูลค่า 586 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ขณะที่ ดานา ปิโตรเลียม บริษัทสำรวจน้ำมันของสกอตแลนด์ ทะยาน 22% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าได้รับข้อเสนอซื้อกิจการจาก โคเรีย เนชั่นแนล ออยล์ คอร์ป (KNOC) ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ส่วนบริษัทคู่แข่งอย่าง ทุลโลว์ ออยล์ บวก 5.7% และ แคร์น เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 5.2%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังรักษาแรงบวกเอาไว้ได้ แม้มีปัจจัยลบจากฝั่งสหรัฐ เมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. ลดลง 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบหกเดือน ขณะที่การจ้างงานในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 83,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง