เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยในรายงานว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลงในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
โดยดัชนี MSCI Emerging Markets Index ร่วงลงไปแล้ว 7.5% ในปีนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป และความพยายามของรัฐบาลจีนในการควบคุมการเก็งกำไรด้านอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
เอเดรียน โมวัต หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียของของเจพีมอร์แกน กล่าวในรายงานว่า "ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ร่วงลงเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเข้าสู่ระยะพักฐาน ดังนั้น ช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาช้อนซื้อหุ้นเก็บไว้"
ดัชนี BDI (Baltic Dry Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดต้นทุนการขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ทางเรือ ร่วงลง 46% ใน 26 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการร่วงลงยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2548 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง 8.9% นับตั้งแต่ต้นปี และราคาแร่ทองร่วงลงไปแล้ว 12% ในปีนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 56.2 จุด จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 59.7 จุด และ ADP Employer Services เผยภาคเอกชนภายในประเทศเพิ่มการจ้างงานเพียง 13,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 60,000 ตำแหน่ง ขณะที่ข้อมูลของกระทรวงแรงงานระบุว่า ภาคเอกชนจ้างงานเพิ่มขึ้น 83,000 ตำแหน่ง แต่น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เช่นกัน
นอกจากนี้ จีนรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตภายในประเทศอยู่ที่ระดับ 52.1 จุดในเดือนมิ.ย. ลดลง 1.8% จากเดือนพ.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 53.2 จุด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวในระดับปานกลางเท่านั้น