หุ้นในกลุ่ม LH ปรับตัวขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่หนาแน่นทั้ง 3 บริษัท คือ LH QH AP
เมื่อเวลา 15.57 น.ราคาหุ้น LH บวก 7.27% มาอยู่ที่ราคา 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 84.14 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.55 บาทราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 6.00 บาท และต่ำสุด 5.50 บาท
QH บวก 8.74% มาอยู่ที่ 2.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท มูลค่าการซื้อขาย 626.51 ล้านบาท เปิดตลาดที่ 2.08 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 2.24 บาท และต่ำสุด 2.06 บาท
AP บวก 3.36% มาอยู่ที่ 6.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 79.24 ล้านบาท เปิดตลาดที่ 5.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 6.20 บาทและต่ำสุด 5.95 บาท
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นในกลุ่ม LH ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่ม เกิดจากการที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน และมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตทั้ง 3 บริษัท โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังผู้บริหารทั้ง 3 รายออกมาพูดถึงการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อีกทั้งการที่คลายความกังวลผลกระทบด้านการเมืองในไตรมาส 2/53 ที่ทุกตัวยอดขายลดลง จึงส่งผลให้วันนี้มีแรงเข้ามาลงทุน
ทั้ง 3 บริษัทถือว่ามีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังทั้งการลงทุนและการเปิดโครงการที่ชัดเจนว่าจะต้องขายได้ โดย QH ถือว่าโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับ LH และ AP เพราะมีโครงการ"QH หลังสวน"ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต เพราะเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง และการรอรับรู้รายได้ที่จะเข้ามามาก
ส่วน LH โดดเด่นจากการฟื้นตัวและการเปิดโครงการจำนวนมากในครึ่งปีหลังประมาณ 73% ของมูลค่าทั้งปีกว่า 3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังจะมีการรอโอนโครงการ"The room สุขุมวิท 62"ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 2.5 พันล้านบาท ขณะที่ AP จะมีความโดดเด่นในด้านยอดขายรอโอน(backlog)ที่สะสมค่อนข้างมากถึง 4.6 หมื่นล้านบาท ถือเป็นฐานการรับรู้รายได้ใน 4 ปีข้างหน้าที่ค่อนข้างแน่นอน
สำหรับราคาเป้าหมาย LH ให้ที่ 6.50 บาท, QH ให้ราคาที่ 3 บาท และ AP ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท