ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลง และดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวในอัตราที่ช้าลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 57.14 จุด หรือ 0.59% แตะที่ 9,743.62 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 5.48 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 1,028.06 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 2.09 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 2,093.88 จุด
ปริมาณการซื้อในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 8.69 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 1532 ต่อ 1488 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว9.65 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักเมื่อ 7 วันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงเกินคาด
ส่วนเมื่อคืนนี้ แม้ตลาดปิดบวก แต่ภาวะการซื้อขายยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ในเดือนมิ.ย. ปรับตัวลดลง 125,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 110,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ลดลงสู่ระดับ 9.5%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ช้าลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคบริการอาจจะชะลอตัวลงอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการและกิจกรรมทางธุรกิจเดือนมิ.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53.8 จุด ซึ่งแม้ว่าดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดจะบ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงมีการขยายตัว แต่ดัชนีเดือนมิ.ย.ขยายตัวในอัตรที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่มีการขยายตัว 55.4 จุด และต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 67.7 จุดของเมื่อปี 2547
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทพลังงานดีดตัวขึ้น แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มค้าปลีก ก่อนที่หลายบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการเดือนมิ.ย.ในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นเมซี อิงค์ ปิดร่วง 2.5% หุ้นโฮม ดีโปท์ ปิดลบ 1.5% ส่วนหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน อิงค์ ในกลุ่มพลังงาน ปิดพุ่ง 2.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ปิดบวก 2.4% หุ้นอินเทลปิดบวก 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค.