นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนว่า ได้มอบหมายให้คณะกรรมการฯ นำประเด็นเรื่องมาตรการภาษีจูงใจภาคธุรกิจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไปพิจารณาร่วมกับกรมสรรพากร และนำข้อสรุปกลับมาเสนอต่อที่ประชุมภายใน 1 เดือน
"ที่ประชุมวันนี้ได้มีการแสดงความคิดเห็นกันหลากหลายเกี่ยวกับมาตรการด้านภาษี หลังจากที่มาตรากรภาษีหมดอายุ ธ.ค.52 มีผลให้บริษัทเข้ามาจดทะบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯลดลง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคนมองว่าเป็นมาตรการที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาตลาดทุน เพราะจะต้องมีความระมัดระวัง ต้องให้ความสำคัญอย่างควบคู่กันระหว่างการกระตุ้นให้มีการพัฒนาตลาดทุน เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนกลไกภาษี หรือสร้างความลักลั่นระหว่างบริษัทที่อยู่ในตลาดฯและบริษัทที่อยู่นอกตลาดที่มากเกินไป"รมว.คลัง ระบุ
รมว.คลัง ยอมรับว่า ในช่วงมี่ผ่านมาการเข้ามาจดทะเบียนเพิ่มเติมในตลาดไม่ได้มีมากนัก ส่วนหนึ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและอีกส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนถึงประเด็นอื่นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีด้วย
พร้อมระบุว่า การพิจารณาออกมาตรการทางภาษีเพื่อจะจูงใจให้มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นนั้น สิ่งสำคัญที่ควรต้องพิจารณา คือต้องดูว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนจะหวังผลแค่การเข้ามาใช้สิทธิพิเศษจากมาตรการทางภาษีหรือไม่ เพราะในความจริงแล้วการสร้างแรงจูงใจเพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางในการระดมทุนเพิ่มมากขึ้น โดยมีต้นทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์
"ถ้าเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาดและมาจดเพื่อต้องการสิทธิพิเศษทางภาษีเท่านั้น ผมไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะตลาดทุนไม่ได้มีไว้เป็นช่องทางให้บริษัทจดทะเบียนได้ลดภาษี แต่มีไว้ให้ธุรกิจสามารถระดมทุนได้ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืมจากธนาคาร เป้าหมายสำคัญที่สุดในการเข้ามาจดทะเบียน คือการเข้าถึงแหล่งเงินแหล่งทุน ไม่ใช่เพื่อต้องการจะลดภาษี" รมว.คลัง ระบุ