THCOMมั่นใจพลิกกำไรปีนี้หลังเซ็นสัญญาอินเดีย Q3,ย้ำทำถูกต้องตามสัมปทาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 8, 2010 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่คณะผู้บริหาร บมจ.ไทยคม(THCOM)มั่นใจว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 53 จะพลิกเป็นมีกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทสามารถเริ่มให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศอินเดียไปแล้วบางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยจะมีการเซ็นสัญญาได้ในไตรมาส 3/53 และสามารถเรียกเก็บค่าบริการได้ทันทีที่มีการใช้งาน บริษัทคาดว่าลูกค้าอินเดียจะมีมูลค่าการใช้งานสูง โอกาสการเติบโตมาก

ส่วนการบริการไอพีสตาร์ที่จีนยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ซึ่งหากได้เพียงบางโครงการในจีนก็จะส่งผลต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ

นายอารักษ์ กล่าวว่า รายได้หลักของบริษัทในปีนี้จะมาจากบริการไอพีสตาร์ ซึ่งคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้หลังมีรายได้จากอินเดียเข้ามา และอีกส่วนหนึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากบริการไอพีสตาร์ในประเทศญี่ปุ่นที่สามารถรับรู้รายได้เกือบครบจำนวนแล้ว

*มั่นใจทำตามสัญญาสัมปทานภายใต้ความเห็นชอบของผู้เกี่ยวข้อง

นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์และการดำเนินการทุกขั้นตอนของบริษัท เป็นไปอย่างถูกต้องตามสัญญาสัมปทาน และได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานต้นสังกัดทุกครั้ง เชื่อว่าปัญหาที่ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหลังจากศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังน่าจะเจรจากันได้ และไม่น่าจะต้องไปถึงขั้นอนุญาโตตุลาการ

ทั้งนี้ จากรายงานข่าวที่ระบุว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการตามมาตรา 22 พบว่า THCOM ทำไม่ถูกต้อง 3 ประเด็น ได้แก่ การนำเงินค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ เพราะต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวให้กับกระทรวงไอซีที ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทาน

และไอพีสตาร์ไม่ถือว่าเป็นดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 เพราะไทยคม 3 มีวัตถุประสงค์เน้นการให้บริการในประเทศ ส่งผลให้ไทยคมจะต้องยิงดาวเทียมสำรองดาวเทียมไทยคม 3 ใหม่ รวมทั้ง การลดสัดส่วนถือหุ้นไทยคมของ SHIN เหลือ 41% จาก 51% ต้องทำให้ถูกตามขั้นตอน โดยให้เสนอต่อ ครม. พิจารณาว่าเห็นชอบหรือไม่ ถ้าไม่เห็นชอบ SHIN ต้องกลับมาถือหุ้นตามสัดส่วนเดิม

นายอารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงความผิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากได้รับหนังสือและบริษัทโต้แย้งเมื่อความเห็นไม่ตรงกันตามขั้นตอน เพราะบริษัทยืนยันว่าการที่ยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ทดแทนไทยคม 3 น่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐมากกว่า เพราะประสิทธิภาพดีกว่า และช่องสัญญาณมากว่า ซึ่งดาวเทียมนี้ถือเป็นทรัพย์สินของรัฐบาล

ส่วนเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของ SHIN นั้นหากเห็นว่าควรถือหุ้นที่ 51% บริษัทก็พร้อมดำเนินการ เพราะทาง SHIN มีความสามารถในการซื้อหุ้นกลับเข้ามาอีก 10% แน่นอน และในทางกลับกัน จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากเทมาเส็กหรือทาง SHIN ว่าต้องการขายหุ้น THCOM ออกไปแต่อย่างใด

"ชินคอร์ป ยืนยันว่าจะถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ส่วนการที่รัฐต้องการซื้อคืน เราไม่เคยคุยกับเทมาเส็คเรื่องขายหุ้นไม่เคยคุยหรือได้รับคำสั่งจากเทมาเส็ก ซึ่งบริษัทไทยคมยังบริหารโดยคนไทย และยืนยันการคงสัดส่วนการถือหุ้น และหากต้องการให้เพิ่มหุ้นเป็นกว่า 51% บริษัทก็มีความสามารถทางการเงินเพียงพอ"นายอารักษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ