นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรเครื่องกล(SMIT)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/53 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตขึ้น 30% จากไตรมาสแรกของปีนี้ และในช่วงครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องใกล้เคียงระดับ 30% ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ส่งผลทำให้การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นด้วย
อนึ่ง SMIT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิ 33.09 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.9 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/52 บริษัทมีกำไรสุทธิในระดับ 2 ล้านบาท
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรได้ประโยชน์อย่างมากจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท ส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจผลิตเครื่องจักร แม่พิมพ์ และอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเหล็กเป็นหลักประมาณ 50-60% ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาเหล็กปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์โดยตรงในการลดต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบ
"บริษัทเรามีการนำเข้าตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนจะนำเข้าเพิ่มไหม ถ้ามีของถูกเราก็เอา“นายชัยศิลป์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าของแผนขยายกำลังการผลิตนั้น นายชัยศิลป์ กล่าวว่า บริษัทได้ตรียมแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีกเล็กน้อย โดยจะลงทุนตั้งสายการผลิตใหม่ในพื้นที่เดียวกับโรงงานเดิม ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบราคาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ บริษัทระบุว่ามีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิต หลังจากโรงงานในปัจจุบันเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง 6 พันตัน/วัน วางงบประมาณไว้ราว 50-60 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงชุบ มีด และเหล็กเพิ่มขึ้น 20%