ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 90.63 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ 5,105.45 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,014.82 - 5,123.53 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 4.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 4.1% รวมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็น 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.7% และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเป็น 7.5% จากเดิม 7% นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนเป็น 10.5% จากเดิม 10%
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้จะเริ่มมีเสียงเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อก็ตาม นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด
หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ปิดบวก 4.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของ BofA Merrill ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ขณะที่หุ้นโอลด์ มิวชวล ปิดบวก 3.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคาร 91 แห่งในยุโรปจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังได้แรงหนุนจากการที่นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปประเมินว่า เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังคงฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และคาดว่าการฟื้นตัวจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีด้วย ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) ได้ดำเนินการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารพาณิชย์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปมีฐานเงินทุนสูงพอที่จะรับมือกับการผิดนัดชำระหนี้ (debt default) ของประเทศยุโรปได้ โดยการทดสอบ stress test ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง CEBS และธนาคารกลางยุโรป ขณะที่ผู้นำชาติสมาชิกอียูให้คำมั่นสัญญาจะเปิดเผยผลการทดสอบ stress test