นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้แต่ในกรอบจำกัด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกตามดาวโจนส์ ภายหลังจากตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯออกมาลดลง ส่วนเรื่องปัญหาในแถบยุโรปก็อยู่ในช่วงของการพักรอดูต่อไปแต่ยังถือเป็นความเสี่ยงของตลาดฯอยู่
ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานคงจะปรับตัวขึ้นนำตลาดได้ เนื่องจากเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ทาง IMF ก็ได้ปรับคาดการณ์ตัวเลข GDP ของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้น เป็นเติบโต 7% ถือว่าสูงสุดในเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาค สำหรับปัจจัยการเมืองยังไม่มีอะไร
พร้อมให้แนวรับ 810-815 จุด แนวต้าน 825-826 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้(8 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,138.99 จุด เพิ่มขึ้น 120.71 จุด(+1.20%)เอส
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 111.22 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 75.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์หรือ 1.85%
- ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 7.0% ก่อนจะชะลอตัวลงในปีหน้า โดยจะเติบโตในระดับ 4.5% ถือเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเซียนรองจากสิงคโปร์ที่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตถึง 9.9%
- "เดือนเด่น นิคมบริรักษ์" ผู้อำนวยการวิจัย ฝ่ายวิจัยแผนงานเศรษฐกิจรายสาขา มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ)เผยธนาคารแห่งประเทศไทย ควรจะเลิกการกำหนดเพดานค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่าธรรมเนียมการโอนเงินดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยส่วนบุคคล เพราะจะทำให้ธนาคารพาณิชย์เกิดการแข่งขันกันและจะลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ลงมาเอง
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"เชื่อเศรษฐกิจไทยโตฉลุย 5-6% ฝากรัฐบาลเร่งมือสร้างกรอบประเทศ 3-5 ปี ให้เอกชนรู้ทิศทางเดิน
- กระทรวงการคลังจ้างบริษัทสหรัฐอเมริกาเพื่อประชาสัมพันธ์เศรษฐกิจประเทศไทยกับสื่อต่างประเทศ เพราะผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อแนวโน้มโอกาสของไทยที่จะเสนอตัวเป็นประเทศที่น่าลงทุนในระยะยาว
- นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เผยทางบริษัทจดทะเบียนได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อให้พิจารณาต่อมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากอัตรา 30% ลงเหลือ 25% และในตลาดเอ็ม เอ ไอ ลดลงจาก 30% เหลือแค่ 20% เพื่อเป็นแรงจูงใจให้บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นรางวัลตอบแทน บจ.ที่มีมาตรฐานบัญชีที่ดี เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย
- ผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เผยภายในเดือน ต.ค.หรือ พ.ย.ของปีนี้และปีหน้า กองทุนฟื้นฟูมีภาระที่ต้องชำระหนี้พันธบัตรตามกำหนด 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นปีละ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองทุนฟื้นฟูตั้งใจว่าจะไม่ไปกู้ใหม่เพิ่มเติมอีก เพราะสามารถหารายได้ครบ 3 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อการชำระหนี้แล้ว