นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์(CSP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปแผนขยายการผลิตภายในไตรมาส 3/53 ทั้งสภาพตลาด มูลค่าเงินลงทุนและรูปแบบการผลิต ซึ่งอาจจะมีการผลิตสินค้าเหล็กขนิดใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อนด้วย
"เราดูอยู่ว่าจะเลือกเครื่องจักรประเภทไหน และศึกษาจุดคุ้มทุนด้วยเพราะถ้าเป็นเครื่องจักรหนักจะต้องใช้เงินลงทุนมากก็ประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ใช้เราไม่มีเงินถ้าจะลงทุนเราก็ยังมีสภาพคล่องแยู่ และก็กู้แบงก์ด้วยก็ได้ มันเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจให้รอบคอบและดูเศรษฐกิจ การเมืองควบคู่ไปด้วยเพราะก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเหมือนกัน"นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนซื้อเครื่องจักรแปรรูปเหล็กเพิ่มเติม เพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนในธุรกิจยานยนต์ เนื่องจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ค่ายรถยนต์หลายรายหันมาเริ่มโครงการอีโคคาร์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย
บริษัทได้เตรียมพื้นที่โรงงานใหม่ 8 พันตารางเมตร และเตรียมเงินลงทุน 50 ล้านบาท เบื้องต้นจะเริ่มผลิตได้ประมาณ 5% ของกำลังการผลิตปัจจุบัน 2.2 แสนตัน/ปี และหากมีการลงทุนเครื่องจักรจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2.6 แสนตัน/ปี ซึ่งจะสอดคล้องกับยอดขายที่จะปรับเพิ่มขึ้น โดยอาจมีการผลิตเหล็กในประเภทที่ไม่เคยทำก่อน จากปัจจุบันบริษัทผลิตเหล็กแผ่นแปรรูป 90% และที่เหลือ 10% มาจากท่อเหล็ก
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ยอดขายไตรมาส 2/53 อาจจะชะลอตัวลงจากผลกระทบสถานการณ์ทางการเมือง แต่เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นมาได้จากแนวโน้มออร์เดอร์ที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง น่าจะทำให้ทั้งปีเป็นไปตามเป้ายอดขายเติบโต 20% และจะไม่กระทบกับความสามารถในการจ่ายเงินปันผล จากกำไรสุทธิที่มีทิศทางสูงขึ้นจากปีก่อนมากด้วย
"ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทยังคงเป้ายอดขายเติบโต 20% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทแม้ยอดขายในไตรมาส 2 จะลดลงจากผลกระทบการเมือง แต่ในช่วงที่เหลือของปีจะมียอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน"นายวีรศักดิ์ กล่าว
ขณะนี้บริษัทมีคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)เข้ามาต่อเนื่อง ทั้งออเดอร์ที่จะสั่งซื้อเป็นไตรมาส และออร์เดอร์ที่สั่งต่อเดือน ซึ่งจากออร์เดอร์ที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะส่งผลทำให้ยอดขายในไตรมาส 3/53 เติบโตขึ้น 10% และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/53 ด้วย ส่วนราคาเหล็กแผ่นคาดแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราคา 22 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากราคาสินแร่ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกำไรคาดว่าปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน เพราะในไตรมาส 1/53 ที่ผ่านมาก็มีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท จากทั้งปี 52 มีกำไรสุทธิแค่ 8 ล้านบาท จึงน่าจะทำให้เห็นความสามารถในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ จากปีก่อนที่งดจ่ายเพราะเจอปัญหาเรื่องต้นทุนสูง ส่วนจะมีการแบ่งจ่ายระหว่างกาลหรือไม่ ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท