การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กทพ.ภายในเดือนก.ค.นี้ เพื่อขอความเห็นชอบดำเนินการหาข้อยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ.กับ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)และ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพเหนือ(บริษัทย่อย) โดยดำเนินการเจรจาโดยอยู่บนพื้นฐานที่ กทพ.ต้องไม่เสียประโยชน์ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย
พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู ผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า แนวทางการเจรจาจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่ ซึ่ง กทพ.มี 2 ทางเลือก คือ ชดเชยความเสียหายเป็นตัวเงิน หรือ ด้วยการขยายอายุสัมปทานเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะขยายอายุสัมปทานไปสิ้นสุดปี 2563 โดยขั้นตอนการเจรจาจะเริ่มภายในเดือน ก.ย.นี้
"หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปก็ไม่เกิดผลดีและจะมีผลต่อภาระดอกเบี้ย ยิ่งคดียืดเยื้อหากในที่สุดศาลตัดสินให้ กทพ.แพ้จะจ่ายค่าเสียหายไม่รวมดอกเบี้ยที่เดินหน้าทุกวัน 10 ปี ไม่น้อยกว่า 2,000-3,000 ล้าน" พ.ท.ทวีสิน กล่าว
ทั้งนี้ ข้อพิพาทระหว่าง กทพ.กับ BECL มีรวม 11 เรื่อง อยู่ในชั้นคณะผู้พิจารณา 2 เรื่อง ชั้นอนุญาโตตุลาการ 8 เรื่อง ชั้นศาล 1 เรื่อง ส่วนข้อพิพาทระหว่าง กทพ.กับ NECL รวม 3 เรื่อง ในชั้นอนุญาโตตุลาการ 2 เรื่อง ชั้นศาล 1 เรื่อง
ข้อพิพาทกับ BECL เรียกร้องให้ กทพ.ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างระหว่างอัตราค่าผ่านทางรถยนต์แต่ละประเภทของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนดี จำนวน 325,300,621.67 บาท และชดใช้เงินค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างระหว่างอัตราค่าผ่านทางรถยนต์แต่ละประเภทของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนดี นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.52 เป็นต้นไป จนกว่า กทพ.จะดำเนินการปรับค่าผ่านทางตามสัญญา
นอกจากนั้น BECL เรียกร้องให้ กทพ.ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างอัตราค่าผ่านทางของโครงข่ายในเขตเมืองและนอกเมืองของทางด่วนขั้นที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.51-28 ก.พ.52 เป็นเงิน 804,068,460 บาท ในชั้นอนุญาโตตุลาการ , เรียกร้องเรื่องการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2546 (โครงข่ายในเมืองและนอกเมืองของระบบทางด่วนขั้นที่ 2) วงเงิน 5,980,283,827.52 บาท และข้อพิพาทเรื่องการเรียกร้องการปรับอัตราค่าผ่านทางปี 2546 ตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี) วงเงิน 1,048,239,250.58 บาท