นางสุชาดา อิทธิจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแมคโคร(MAKRO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 53 น่าจะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 7.5 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส แรกเติบโตแล้ว 16% และคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/53 จะเติบโตกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริษัทได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 3 แห่งในช่วงต้นปี
แต่หากเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2/53 จะอ่อนตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากการเมืองและการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้ต้องปิดบางสาขาไประยะหนึ่ง และบางสาขาต้องปิดทำการเร็วขึ้น
"ครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกในแง่ตัวเลขเศรษฐกิจส่งออกดีขึ้น และหลังจากเหตุการณ์สงบเรียบร้อย นักท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมา ถ้าเหตุการณ์สงบถึงสิ้นปีก็ไมน่าห่วงมาก และช่วงปลายปีเป็นช่วงฤดูกาล ก็จะได้รับผลดีตรงนั้น ซึ่งมองว่าทุถกอย่างดีเหมือนปลายปีที่แล้ว mood ในการซื้อของก็ดีขึ้น"นางสุชาดากล่าว
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 4 แห่ง ใช้เงินลงทุนในส่วนของค่าก่อสร้างรวม 1.5 พันล้านบาท โดย 3 สาขาใหม่เปิดไปแล้ว ไตรมาสแรกเปิดที่ จ.กำแพงเพชร, ไตรมาส 2/53 เปิดที่ จ.กาญจนบุรี และ จ.ลพบุรี ส่วนสาขาที่ 4 กำลังจะเปิดที่ จ.หนองคาย ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ขนาดพื้นที่ 7,000 ตร.ม.
นางสุชาดา กล่าววา บริษัทมีนโยบายที่เปิดสาขาให้ครบ 76 จังหวัด จากปัจจุบันมีอยู่ 47 สาขา โดย 9 สาขาอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล และ 38 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด
"มีความเป็นไปว่าจะเปิดครบ 76 จังหวัดโดยบริษัทจะเปิดสาขาได้ทั้งใหญ่ กลาง เล็ก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลางพื้นที่ประมาณ 7 พันตารางเมตร .ซึ่งน่าจะเหมาะสม เราเน้นลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ และมีสินค้าหลากหลาย"นางสุชาดากล่าว
กรรมการผู้จัดการ MAKRO กล่าวถึงกรณีที่คาร์ฟูร์จะขายกิจการในประเทศไทยว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของบริษัท เพราะถือเป็นธุรกิจคนละรูปแบบ โดยแม็คโครเป็นร้านค้าส่งขนาดใหญ่ แต่คาร์ฟูร์เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตและชอปปิ้งเซ็นเตอร์