ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทุ่มซื้อหุ้นบริษัทบีพีอย่างหนาแน่น หลังจากมีข่าวว่าบีพีเริ่มติดตั้งอุปกรณ์ชุดใหม่เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก นอกจากนี้ หุ้นบีพียังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า มกุฏราชกุมารแห่งอาบูดาบี เปิดเผยว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำลังพิจารณาเรื่องการลงทุนในบริษัทบีพี
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 104.00 จุด หรือ 2% ปิดที่ 5,271.02 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี
หุ้นบีพีทะยานขึ้น 2.9% แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 410.35 เพนซ์ จากข่าวที่ว่าทางบริษัทได้เริ่มติดตั้งอุปกรณ์ชุดใหม่เพื่อหยุดการรั่วไหลของน้ำมันที่บ่อมาคอนโค หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่แท่นขุดเจาะของบีพีเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกในปริมาณมากถึง 60,000 บาร์เรลต่อวัน และเป็นเหตุให้คนงานของบีพีเสียชีวิต 11 คน
นอกจากนี้ หุ้นบีพียังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า มกุฏราชกุมาร มูฮัมหมัด บิน เซย์เอ็ด อัล นาห์ยัน กล่าวผ่านสื่อมวลชนที่อาบูดาบีว่า UAE กำลังพิจารณาเรื่องการเข้าลงทุนในบริษัทพลังงาน รวมถึงบีพี และยังกล่าวด้วยว่า UAE เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบีพีมาเป็นเวลาหลายปี
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอน รวมถึงทองแดงและนิกเกิล และหลังจากบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดพุ่ง 1.2% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 1.7% และหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดพุ่ง 3.4%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดันอย่างหนักหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ ขยายตัวที่ระดับ 3.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ที่ 2% หลังจากที่ราคาสินค้าต่างๆสูงขึ้นตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงไปจนถึงราคาอาหาร
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในช่วงเช้ายังได้รับปัจจัยลบจากข่าวมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A1 เนื่องจากสถานะทางการเงินของโปรตุเกสมีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะกลาง