บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL)ปรับลดเป้ารายได้ปี 53 เหลือโตใกล้ระดับ 1% หรืออาจใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 7.76 พันล้านบาท จากเดิมคาดรายได้จะเติบโต 2.0-2.5% เนื่องจากปริมาณจราจรในเดือน พ.ค.ลดลงมากจากผลกระทบเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง แต่คาดว่าครึ่งปีหลังปริมาณจราจรจะกลับมาดีตามเป้าหมาย
"รายได้ 6 เดือนแรกโต 0.68% ลดลงจากที่คาดไว้ แต่มองว่าครึ่งปีหลังน่าจะเป็นไปตามแผน แต่ถัวเฉลี่ยทั้งปี รายได้ปรับลดลง เติบโตใกล้ 1% หรือ flat"นางสุทธิดา สุขะนินทร์ ผู้จัดการอาวุโส แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ BECLกล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรในระดับ 1.7 พันล้านบาท แม้ว่าจะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะได้รับเงินปันผลจาก บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) โดยครึ่งปีแรกจะได้รับเงินจำนวน 63 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 2/53
นางสุทธิดา กล่าวว่า รายได้ในไตรมาส 2/53 คาดว่าจะต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าไตรมาส 1/53 เพราะปริมาณจราจรในเดือน พ.ค.ลดลงอย่างมากจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง แต่ในเดือน มิ.ย.กลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ดี ครึ่งปีแรกรายได้เพิ่มขึ้น 0.68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสแรกทำรายได้ดีเกินเป้า
อนึ่ง ในเดือน พ.ค. 53 ปริมาณรถยนต์ที่ใช้ทางด่วนอยู่ที่ 8.3 แสนคน/วัน ลดลง 7.7%yoy ซึ่งนับเป็นปริมาณรถยนต์ที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปี ส่งผลให้รายได้ค่าผ่านทางเดือน พ.ค. 53 ลดลงในทิศทางเดียวกัน คือ ลดลง 7.6%yoy มาอยู่ที่ 18.33 ล้านบาท/วัน แต่ในเดือนมิ.ย.53 ปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น 3.79% yoy เฉลี่ยอยู่ที่ 1.01 ล้านคัน/วัน
นางสุทธิดา คาดว่าในไตรมาส 3/53 ผลประกอบการจะดีตามแผนงานที่วางไว้ จากปริมาณจรจาจรในเดือนมิ.ย.เริ่มกลับมาสู่ระดับปกติ ประกอบกับ ภาระดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จะลดลง หลังจากบริษัทคืนเงินหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน ส.ค.53 จำนวน 3.9 พันล้านบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ย 4.2%
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการระดมทุนวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท โดยอาจจะออกเป็นหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 5 ปี หรือเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งหากได้เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยดีกว่าการออกหุ้นกู้ ทั้งนี้ เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้