หุ้น KCE ราคาวิ่งขึ้น 3.68% มาอยู่ที่ 8.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 76.56 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.19 น. โดยเปิดตลาดที่ 8.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.45 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.30 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์(KCE)โดยระบุว่า ผลกระทบทางลบจากการที่บริษัทส่งสินค้าแผ่นพิมพ์วงจร(PCB)ไปยังยุโรปมากที่สุดถึง 60% นั้นเป็นไปอย่างจำกัด เพราะในที่สุดแล้วเมื่อลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก อีกทั้งลูกค้าหลักๆก็จะอยู่ที่เยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งภาวะเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง
ส่วนผลดำเนินงาน 3Q53 มีแนวโน้มสูงที่จะกลับมาทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังจาก 2Q53 มีกำไรสุทธิที่อ่อนลงเทียบ q-o-q เพราะปัญหาต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นได้คลี่คลายไปในทางที่ดี โดยเฉพาะต้นทุนทองแดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด, ค่าเงินยูโรที่เคยอ่อน กลับมาแข็งค่า ทำให้รายได้ในสกุลบาท และอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาดีขึ้น,
แก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่โรงงาน KCE Technology ได้เรียบร้อยแล้ว, การเมืองที่สงบลง จึงไม่มีปัญหาการประกาศเคอร์ฟิว คนงานจึงมาทำงานได้เป็นปกติ และต้นทุนของคู่แข่งคือ จีนได้เพิ่มขึ้น เช่น ต้นทุนค่าแรงที่เคยได้เปรียบ กลับสูงขึ้นในปัจจุบัน ประการสำคัญคือ ปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นฤดูกาลที่คำสั่งซื้อ PCB จะดีที่สุดในรอบปี
นอกจากนั้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัทย่อย คือ ไทยลามิเนต แมนูแฟคเจอเรอร์ ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 95% จากเดิมที่ 71% คือ ไม่จำเป็นต้องนำ TLM เข้าตลาดฯแล้ว ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆไปได้ อีกทั้งแต่เดิมนั้น TLM ได้ขายวัตถุดิบ ลามิเนตให้กับ KCE ในการผลิต PCB ดังนั้นเมื่อมาถือหุ้นใหญ่แล้ว ก็จะทำให้การควบคุม TLM ทำได้ดียิ่งขึ้น ผลดีคือประหยัดต้นทุน R&D ที่ไม่เกี่ยวกับ PCB (หันมาเน้นผลิตวัตถุดิบที่ใช้กับ PCB), สามารถเพิ่มประเภทสินค้า PCB ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความสามารถในการใช้กำลังการผลิตของ TLM ให้ดียิ่งขึ้น