ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 827.54 จุด เพิ่มขึ้น 6.52 จุด(+0.79 %)มูลค่าการซื้อขาย 36,700.16 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 830.99 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 822.88 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 193 หลักทรัพย์ ลดลง 154 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 149 หลักทรัพย์
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้จากกลุ่มแบงก์ ที่เก็งกำไรในช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศงบในไตรมาส 2/53 และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับสวนกับตลาดในภูมิภาคที่มีทั้งลบ-บวก
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ทำให้ต้องติดตามและกดดันตลาดทั้งผลของการทดสอบสถานะของแบงก์ในยุโรป ซึ่งหากต้องมีการเพิ่มทุนก็จะกดดันตลาดทันที แม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์กันผลกระทบส่วนใหญ่จะเกิดกับแบงก์เล็กมากกว่า รวมทั้งการติดตามการเซ็นรับรองกฎหมายปฎิรูปการเงิน ผลประกอบการบจ.ตลาดสหรัฐ ฯ ในคืนนี้ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชัดการเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้า ขณะที่ปัจจัยในบ้านเราติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเด็นคดี SMS ของนายกและรมว.คลัง
ส่วนแนวโน้มในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ความคาดหวังในประเด็นต่าง ๆ หากออกมาไม่ดีอย่างที่คาดก็จะเป็นปัจจัยกดดันตลาด พร้อมให้แนวรับไว้ที่ช่วง 813-809 จุดแนวต้าน 850-860 จุด
"ตอนนี้ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ แต่ที่วันนี้ตลาดปรับตัวดีเป็นสัญญาณทางเทคนิคมากกว่า เพราะตัวที่เล่นกันก็เดิม ๆ ขึ้นได้ก็ได้แบงก์ อสังหาฯ ช่วย"
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด ( มหาชน ) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังปรับตัวอยู่ในแดนบวกได้ มีการกระจายลงทุนในหลายๆกลุ่ม โดยประเด็นในการลงทุนช่วงนี้ยังเป็นเรื่องการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงของการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2
“วันนี้มีการกระจายลงทุนไปในกลุ่มต่างๆหลายๆกลุ่มด้วยกัน มีทั้งธนาคาร กลุ่มเกษตร อาหาร ขนส่งด้านการบิน อสังหาริมทรัพย์ โดยรวมแล้วในส่วนของการเข้ามาเก็งก็คงน่าจะคล้ายๆกับในตลาดโลก" นายชัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 817-813 จุด และแนวต้าน 838-840 จุด พร้อมแนะให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆทั้งในส่วนของสหรัฐฯและยุโรป โดยจะมีเรื่องการผ่านกฎหมายด้านการเงินที่สำคัญของสหรัฐฯ ส่วนในประเทศก็ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TMB มูลค่าการซื้อขาย 3,939.60 ล้านบาท ปิดที่ 2.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 3,411.22 ล้านบาท ปิดที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,084.82 ล้านบาท ปิดที่ 0.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท
STPI มูลค่าการซื้อขาย 1,369.73 ล้านบาท ปิดที่ 44.25 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 1,291.36 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท