หุ้น SAMART ปรับขึ้น 1.43% มาอยู่ที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท เมื่อเวลา 10.22 น. มูลค่าซื้อขาย 119.05 ล้านบาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 7.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.05 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้นบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นเนื่องจากคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการรถยนต์ NGV ที่ครม.จะมีการประชุมในวันนี้ และ SAMART วางแผนเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าวด้วยตนเองโดยจะเป็นผู้บริหารการเงินของโครงการ จึงส่งผลให้เกิดการเข้ามาเก็งกำไร เพราะส่งผลเชิงบวกในแง่ของผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีรายได้ และกำไรที่มั่นคงมากขึ้น
ส่วนการจัดหาและประกอบรถยนต์ทำผ่านพันธมิตร แต่จะลงทุนเองทั้งหมดในส่วนของระบบตั๋วอิเล็กทรอนิคส์และการควบคุมรถ เบื้องต้นประเมินว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ SAMART ประมาณ 2-3 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปี 2555
นอกจากนี้ SAMART จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของทั้ง SIM ที่ถือหุ้น 59% และ SAMTEL ถือหุ้น 70% ในฐานะ Holding Company บริษัทยังได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นโดยเฉพาะธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น การให้บริการศูนย์ Call center กับผู้ประกอบการอื่นทำให้มีรายได้ปีละ 600 ล้านบาท
ด้านธุรกิจในกัมพูชา เช่น บริหารสนามบิน และโรงไฟฟ้า 23 เมกะวัตต์ บริษัทอยู่ระหว่างเสนอโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาด 1,200 เมกะวัตต์ซึ่งหากประสบความสำเร็จ จะทำให้สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจมั่นคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และลดการพึ่งพิงรายได้จากงานประมูลสำหรับปี 2553 คาด SAMART จะมีรายได้ปี 2553 ที่ 20,362 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46%จากปีก่อน
บริษัทแนะนำ "ซื้อ" โดยคาดว่า SAMART จะสามารถจ่ายปันผลในงวดปี 2553 ได้ในอัตรา 0.37 บาท และมูลค่าเหมาะสมอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 บาท หากได้งานโครงการรถเมลล์ NGV 4,000 คัน จากราคาเป้าหมายในปัจจุบัน 7.65 บาท เป็น 9.65-10.65 บาท