SAMCO เล็งพัฒนา"ทาวน์โฮม"แรกในปี 54 พร้อมเปิด"คอมมูนิตี้มอลล์"ราชพฤกษ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 20, 2010 10:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติพล ปราโมทย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร(SAMCO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบ"ทาวน์โฮม"จากเดิมที่สร้างแต่บ้านเดี่ยว โดยขณะนี้บริษัทกำลังมองหาทำเลที่เหมาะสม คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในปี 54

นอกจากนั้น บริษัทยังขยายการลงทุนในรูปแบบโครงการ"คอมมูนิตี้มอลล์"ร่วมกับ บมจ.ระยองเพียวริไฟน์(RPC)เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประเภทค่าเช่า โดยภายในปี 54 บริษัทจะมีการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ย่านราชพฤกษ์อีก 1 แห่ง บนพื้นที่ 4 พันตารางเมตร

ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดโครงการ"คอมมูนิตี้มอลล์"แห่งแรกที่รังสิตคลอง 2 ไปแล้วในเดือน ต.ค.นี้โครงการแห่งที่ 2 บนถนนรามคำแหงก็จะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ภายใต้ชื่อ"เพียวสัมมากร"โดยตอนนี้มียอดการเช่าพื้นที่แล้วกว่า 90% จากพื้นที่ทั้งหมด 9 พันตารางเมตร

โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ดังกล่าวเป็นโครงการการร่วมทุนกับ RPC โดยบริษัทถือหุ้น 49% ในส่วนบริษัทใช้เงินลงทุนการพัฒนาทั้ง 2 แห่ง รวมประมาณ 100 ล้านบาท บางส่วนเป็นเงินกู้ จากมูลค่าลงทุนรวมทั้งหมดราว 450 ล้านบาท

นายกิตติพล กล่าวว่า การพัฒนา"คอมมูนิตี้มอลล์"จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปีนี้หลังจากเปิดโครงการใหม่ย่านรามคำแหง อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงด้านรายได้ จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแนวราบเป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีโครงการบ้านเดี่ยวจะได้รับผลกระทบในอันดับแรก ๆ

"การทำคอมมูนิตี้มอลล์ ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเพิ่มรายได้มากขึ้นนอกเหนือบ้านเดี่ยวที่เราทำ เพราะตอนนี้การทำบ้านเดี่ยวต้องหลายอย่างประกอบกัน และตอนนี้บ้านเดี่ยวถ้าราคาแพงก็ไม่มีใครซื้อ ราคาที่ดินตอนนี้ก็สูงขึ้น อย่างย่านราชพฤกษ์ราคาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว"นายกิตติพล กล่าว

สำหรับการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ นายกิตติพล คาดว่า บริษัทจะมียอดขายกว่า 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการเดิมและโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ 2 โครงการ จากปีก่อนที่ไม่มีการเปิดโครงการใหม่

โครงการที่เปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ โครงการ"Aqua Didina"ย่านรามคำแหง มูลค่าโครงการ 1.4 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 53 ส่วนหนึ่งประมาณ 120 ล้านบาทและที่เหลือจะทยอยรับรู้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนอีก 1 โครงการ คือ"Flora Didina"คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 4/53 มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2/54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ