นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT)กล่าวถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่มีการชี้มูลความผิดกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังเข้าฟื้นฟูกิจการ บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย(TPI)ว่า ปตท. เตรียมนำผลการชี้มูลดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการควบรวมกิจการ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC)และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้จะมีผลกระทบต่อแผนควบรวม เพราะจะต้องดูความเหมาะสมและผลการศึกษาอย่างรอบคอบก่อน
แต่ยืนยันว่า ยังคงมีการศึกษาเพื่อที่จะปรับโครงสร้างกิจการการกลั่นน้ำมันในเครือ ปตท.ทั้ง 4 บริษัท ได้แก่ IRPC, PTTAR, บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) อย่างแน่นอน โดยการศึกษาจะต้องมีการพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และที่ผ่านมายังไม่เคยมีการสรุปว่าจะต้องควบรวมกิจการระหว่างบริษัทใดกับบริษัทใด หรือใช้วิธีการใด
ทั้งนี้ กระบวนการที่ถูกต้อง คือ เมื่อได้ผลสรุปแนวทางการปรับโครงสร้างแล้วจะต้องมีการขออนุมัติต่อคณะกรรมการของแต่ละบริษัทเพื่อให้มีมติเห็นชอบ และจะต้องมีการขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะต้องแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท IRPC จะไม่มีวาระเรื่องการควบรวมกิจการกับ PTTAR เพราะต้องรอผลการศึกษาให้แล้วเสร็จก่อน และที่ผ่านมาไม่เคยมีการเสนอวาระการประชุมเพื่อให้คณะกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องอนุมัติในเรื่องการควบวม
"จากเดิมเคยมีการคาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะมีความชัดเจนในเรื่องการควบรวมกิจการ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการศึกษาจะเสร็จเมื่อไร"นายประเสริฐ กล่าว