นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสิ้นปี 53 จะมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(Asset Under Management:AUM)เพิ่มเป็น 6 แสนล้านบาท จากครึ่งแรกของปีที่มี AUM จำนวน 526,381 ล้านบาท ณ 2 ก.ค.53 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20.06% โดยยังคงครองอันดับ 1 ของทั้งธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จากสิ้นปี 52 ที่มี AUM รวมทั้งสิ้น 497,166 ล้านบาท
"เราจะพยายามทำให้ 6 แสนล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้ว เพราะครึ่งปีแรกเราได้เม็ดเงินใหม่มา 3 หมื่นล้านบาท และยังเหลืออีก 7 หมื่นล้านบาทที่จะต้องทำให้ได้ในครึ่งปีหลัง"นางโชติกา กล่าว
สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจกองทุนรวมที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 20% และยังมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตลอดจนลูกค้าสถาบัน โดยมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ล้านบาท ทั้งการขายผ่าน บลจ.ไทยพาณิชย์ จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท และผ่านช่องทางของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท
ส่วนเป้าหมายที่เหลือ 7 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง นางโชติกา กล่าวว่า บริษัทกำลังรอเข้าประมูลเข้าบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 4 รายใหญ่ ซึ่งบริษัทเคยบริหารอยู่เดิม แต่จะครบอายุในเดือน ส.ค. และที่เหลืออีก 3 แห่งจะหมดอายุภายในปีนี้ รวมสินทรัพย์บริหารประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนออกกองทุนใหม่ๆ เน้นการออกกองทุนตราสารหนี้ ทั้งกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้ และกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทบริหารกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้ จำนวน 1.1 แสนล้านบาท เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารหนี้ไทย ล่าสุด บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 5Y1 อีก 10,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 22-29 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยไม่ต้องเสียภาษีที่อัตราประมาณ 3.40% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ กองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยจะผสมผสานทั้งกองทุนระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาวเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ถือหน่วย
รวมทั้งมีนโยบายที่จะจัดตั้งกองทุน RMF ใหม่ในไตรมาส 4/53 ที่ง่ายต่อการลงทุน โดยผู้ถือหน่วยสามารถเลือกกองทุนที่กำหนดปีที่จะเกษียณอายุและคุ้มครองเงินต้น ซึ่ง บลจ.ไทยพาณิชย์ เป็นรายแรกที่ออก RMF ลักษณะนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการออมระยะยาว 4-5 กองทุน มูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาท
สำหรับการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร บริษัทฯ ยังเตรียมรับสมัครตัวแทนอิสระ หรือ IIP เพิ่มอีก 50 คนภายในปีนี้ เพื่อเสริมกับทีมงานที่มีความแข็งแกร่งหลังจากที่ได้วางระบบและฝึกอบรมบุคลากรทุกฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับการสนับสนุนและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารไทยพาณิชย์ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
*มองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 53 มีโอกาสพุ่งถึง 880 จุดหาก Fund Flow ไหลเข้า
นายวิชชุ จันทาทับ ผุ้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มจัดการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 53 จะอยู่ที 850-880 จุด และปีหน้าน่าจะเห็นดัชนีทะลุ 900 จุด แต่ขึ้นอยุ่เงื่อนไขเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามา หากไม่มี fund flow คาดว่าดัชนีปีนี้จะอยู่ 830 จุด
ขณะที่มองว่าปัจจัยการเมืองถ่วงตลาดเล็กน้อย ซึ่งในสายตานักลงทุนต่างชาติมองเรื่องการเมืองกับตลาดหุ้นในตลาดหุ้นเอเชียเป็นเรื่อปกติ แต่เป็นกังวลเรื่องมาบตาพุดมากกว่า โดยให้น้ำหนัก 60-70% ขณะเดียวกันเรื่องจะยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลหรือไม่นั้นต่างชาติก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร แต่ต้องการให้นโยบายรัฐบาลมีเสถียรภาพมากกว่า
"ครึ่งปีหลังมองว่ายังไงต่างชาติก็ต้องกลับมาในตลาดหุ้นไทย เพราะตลาดเอเชียอื่นขึ้นไปหมดแล้ว มี P/E สูง แต่ตลาดหุ้นไทยมี P/E 11-12 เท่า แต่ในภูมิภาคสูงถึง 17-18 เท่า ตลาดหุ้นเรา outperform แม้ช่วงการเมืองตลดาหุ้นไทยไม่ลงเยอะแต่ตลาดหุ้นอื่นลงเยอะเพราะกังวลเรื่องอียู แต่ที่ตลาดเราไม่ลงเพราะนักลงทุนประเทศเป็นคนซื้อ"นายวิชชุ กล่าว