นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์(BJC)ยอมรับว่าบริษัทสนใจเข้าประมูลซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งเท่าที่รับทราบ ที่ปรึกษาจากต่างประเทศ คาร์ฟูร์ต้องการขายกิจการในไทย มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ซึ่งห้างคาร์ฟูร์ในประเทศมีสาขามากถึง 40 สาขา มาเลเซีย 20 กว่าสาขา และ สิงค์โปร์ 2 สาขา
"เราได้รับการติดต่อให้เข้าไปซื้อกิจการ เรายังไม่ได้รับข้อมูลรายละเอียด แต่เรากำลังพิจารณาอยู่ เพราะจะเข้าไปเติมเต็มธุรกิจในการเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค และยอมรับว่าธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งเราก็จต้องเข้าไปเรียนรู้ แต่ก็น่าจะสร้างมูลค่าให้กับบริษัทในระยะยาว..การประมูลครั้งนี้การที่จะได้หรือไม่ได้ ก็พอกัน"นายอัศวิน กล่าว
นายอิศวืน กล่าวว่า การซื้อกิจการใหม่เป็นแนวทางที่บริษัทใช้ดำเนินการขยายธุรกิจ โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัท มาลายากลาส เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา และจะเริ่มรับรู้รายได้ราวต้นเดือน ส.ค.53 ซึ่งจะทำให้ยอดขายในธุรกิจแก้วเติบโตราว 20% มาที่ 9.5 พันล้านบาท ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น จาก 7.5 พันล้านบาท
ส่วนรายได้รวมของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่ายอดขายจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.3 หมื่นล้านบาท ไม่รวมรายได้จากที่เข้าซื้อกิจการมาลายากลาส ซึ่งผลประกอบการครึ่งปีแรกก็เติบโตได้ตามเป้าหมาย ส่วนในไตรมาส 3/53 ภาพเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน เนื่องจากสินค้าของบริษัทส่วนใหญ่ขึ้นกับนักท่องเที่ยว และต้องดูว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะมีผลกระทบต่อต้นทุนด้านการเงินหรือไม่อย่างไร
พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาทในปีนี้เพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการหรือเข้าร่วมทุนกับธุรกิจในภูมิภาค โดยขณะนี้ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อใช้เป็นฐานการกระจายสินค้าไปยังประเทศพม่า ลาวและเขมร
"บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในแถบภูมิภาคอาเซียน โดยจะพิจารณากิจการที่มีผลตอบแทนการลงทุน(IRR)มากกว่า 10% และต้นทุนทางการเงิน รวมทั้งเป็นธุรกิจที่ต่อยอดด้านกลยุทธกับธุรกิจในปัจจุบันได้"นายอัศวิน กล่าว
นายอัศวิน คาดว่า ภายใน 1-2 เดือน BJC จะสามารถสรุปผลการเจรจาเข้าซื้อกิจการเทรดดิ้งสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนามได้ พร้อมกันนั้น ยังเตรียมเข้าไปลงทุนธุรกิจผลิตกระดาษชำระ โดยใช้พื้นที่โรงงานเก่าในเวียดนามของบริษัท นำมาปรับปรุงและติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตกระดาษชำระ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
และขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาโอกาสที่จะเข้าไปขยายธุรกิจขนมขบเคี้ยวในเวียดนาม ทั้งการตั้งโรงงานผลิตเอง หรือ ร่วมมือกับผู้ผลิตในท้องถิ่น หรือนำเข้าไปจำหน่ายเพิ่มเติม
บริษัทยังได้ตั้งงบลงทุนปกติ 700-1,000 ล้านบาทในการปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องจักรประจำปีสำหรับ 5 ธุรกิจหลัก