โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์(SGP)รองรับผลประโยชน์หลังจากเข้าซื้อธุรกิจในต่างประเทศทั้งจีน, เวียดนาม และสิงคโปร์ คาดว่าจะเริ่มรับรู้กำไรภายในปีนี้บางส่วน และจะรับรู้เต็มที่ในปีหน้า ส่งผลให้ SGP มีศักยภาพการเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดในปี 54 เพราะรับรู้รายได้ธุรกิจ LPG ในจีนและเวียดนามเต็มที่ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ คาดว่า SGP จะรายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/53 มีกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% yoy แต่ชะลอตัวลง 5% qoq จากผลของฤดูกาล และความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายในภาคการท่องเที่ยวและบริการชะลอตัวลง
แต่กำไรไตรมาส 3/53 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่คาดว่าจะขยายตัว 19% yoy รวมถึงเริ่มรับรู้ยอดขายจากบริษัท SUPERGAS ในเวียดนามเพิ่มเข้ามาด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ในช่วง 1,442-1,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1.255 พันล้านบาท โดยปีนี้ SGP ยังคงรับรู้ยอดขาย LPG จากในประเทศเป็นหลัก
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อลงทุน 19.50 บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 16.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 15.28 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 13.75 บล.เคที ซีมิโก้ ถือ 14.70
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SGP โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 16 บาท/หุ้น จากเดิม 9.20 บาท/หุ้น เนื่องจากมองเห็นว่าปีนี้ SGP น่าจะมีการเติบโตของธุรกิจที่ดี จากยอดขายที่เติบโตขึ้น ซึ่งปกติยอดขาย LPG ในประเทศจะเติบโตประมาณ 5-10% และเมื่อมาร์เก็ตแชร์ของ SGP ไม่เปลี่ยน กำไรก็จะเติบโตไปด้วย
อีกทั้ง SGP มีการซื้อธุรกิจใหม่เข้ามาทั้งในจีน, เวียดนาม, สิงคโปร์ แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็น่าจะเพิ่มกำไรให้กับ SGP ได้ และการรับรู้ผลกำไรจากต่างประเทศเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้หุ้น SGP มีความน่าสนใจ อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันมองว่ายัง undervalue อยู่ เพราะปีหน้า SGP จะมีการรับรู้รายได้จากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก จึงอาจเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 1.53 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1.255 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้ SGP คาดว่าจะมีการเติบโตจากยอดขายประมาณ 12% และเริ่มมีการรับรู้ผลการลงทุนในเวียดนาม, จีน, สิงคโปร์ในปีนี้บ้าง แต่ยังไม่มาก ดังนั้น การเติบโตของ SGP ปีนี้จึงมาจากยอดขาย LPG ในประเทศที่เติบโตเป็นหลัก
น.ส.มุกดา ห่มม่วง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ยูไนเต็ด กล่าวว่า ราคาหุ้น SGP บนกระดานวิ่งขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายแล้ว ตอบรับเรื่องที่ SGP ไปซื้อกิจการในต่างประเทศ แต่ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ยังไม่รวมกำไรที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเร็วสุดก็น่าจะเป็นรายได้จากเวียดนาม และในปลายปีก็คงจะได้รับรู้จากจีน ดังนั้น หาก SGP มีผลกำไรเข้ามาจริงก็อาจจะทำให้ต้องมีการปรับประมาณการใหม่อีกครั้ง โดยรวมผลการรับรู้จากต่างประเทศเข้าไปด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนของผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/53 ของ SGP คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี จากยอดขาย LPG ที่ยังเติบโตดีอยู่ และอนาคตก็จะมีการรับรู้การลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย ทิศทางของ SGP เวลานี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 1,446 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประมาณการกำไรที่จะยังไม่ได้รวมส่วนของต่างประเทศเข้ามา ดังนั้น กำไรที่ประมาณการไว้จึงเป็นผลจากยอดขาย LPG ในประเทศที่เติบโตขึ้นเท่านั้น
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อลงทุน"หุ้น SGP แม้ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 88% และสูงเกินราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 13.50 บาท แต่ด้วยศักยภาพการเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดในปีหน้า จากการรับรู้รายได้ธุรกิจ LPG ในประเทศจีน และเวียดนามเต็มปี จึงได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.50 บาท อิง P/E เป้าหมายปี 54 ที่ 10 เท่า เพื่อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการขยายธุรกิจในจีน และเวียดนาม
นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทจะรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/53 ออกมามีกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.33 บาท เพิ่มขึ้น 11% yoy แต่ชะลอตัวลง 5% qoq จากผลของฤดูกาล และความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเดือน พ.ค.ทำให้ยอดขายในภาคการท่องเที่ยวและบริการชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม กำไรไตรมาสนี้คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดจำหน่ายก๊าซ LPG ของบริษัทที่คาดว่าจะขยายตัว 19% yoy เป็น 3 แสนตัน โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน (+12% yoy) และภาคอุตสาหกรรมในประเทศ (+39% yoy) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการรับรู้ยอดขายจากบริษัท SUPERGAS ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เวียดนามเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ด้วย
อีกทั้งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และปีหน้า จากความต้องการใช้ LPG ในประเทศที่คาดเติบโต 10-15% ต่อปีตามทิศทางการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ,การขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนและเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมาก, มีโอกาสในการเติบโตสูง และสามารถตั้งราคาขายได้ตามราคาในตลาดโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 620 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (สูงกว่าราคาขายในประเทศที่ 333 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน)
โดยรวมมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 53 ขึ้นเป็น 1,442 ล้านบาท หรือ 1.52 บาทต่อหุ้น เติบโต 15%yoy และกำไรสุทธิปี 54 ขึ้นเป็น 1,851 ล้านบาท หรือ 1.95 บาทต่อหุ้น เติบโต 28%yoy จากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 80 ล้านบาท หลังบริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจโรงอัดบรรจุก๊าซ LPG ของ SGLS