นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บมจ. ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 2% จากปีก่อน แม้ว่าใน 6 เดือนที่ผ่านมาจะโตไม่ถึง 1% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากช่วงวันหยุดยาวในเดือนเม.ย. อีกทั้งยังมาจากการที่ในเดือนพ.ค. รัฐบาลมีการประกาศให้มีวันหยุดยาวจากความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้ทางด่วนปรับลดลงมากในช่วง 2 เดือนดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนมิ.ย. - ก.ค. อัตราการใช้กลับมาเป็นปกติโดยอยู่ที่ 9.75 แสนเที่ยว/วัน
"การเติบโตของรายได้แม้ว่าปริมาณการใช้รถจะเติบโตน้อย แต่เมื่อบวกกับการลดต้นทุนทางการเงินที่บริษัทออกหุ้นกู้และลดต้นทุนทางการเงินได้ 140 ล้านบาทต่อปี น่าจะช่วยทำให้ผลประกอบการออกมาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้" นางพยาว์ กล่าว
นางพเยาว์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีความพร้อมทางการเงินหลังจากที่บริษัทได้ออกหุ้นกู้ในช่วงต้นปีไป 2 พันล้านบาทแม้ว่าจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในช่วงเดือนส.ค อีกกว่า 3,000 ล้านบาท แต่บริษัทก็ได้มีการเตรียมเงินเพื่อใช้ในการรีไฟแนนซ์แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หากจะออกหุ้นกู้อีกก็คงไม่เกิน 3,000 ล้านบาท และต้องดูจังหวะที่เหมาะสมด้วย ซึ่งคงไม่ใช่ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ส่วนการที่ภาครัฐจะเปิดประมูลทางด่วนใหม่ 10 เส้นทางนั้น ตอนนี้คงต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อน แต่บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลทุกเส้นทาง เพราะบริษัทเป็นผู้รับสัมปทานในการบริหารทางด่วนอยู่แล้ว
ขณะที่ปัญหาการฟ้องกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือขอเจรจาไกล่เกลี่ยหรือการติดต่อมายังบริษัท มีเพียงการพูดผ่านสื่อ แต่บริษัทพร้อมที่จะเจรจาทุกรูปแบบ