ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจาก เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับ"ความไม่นอนอย่างไม่ปกติ" ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวยังคงซบเซา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลง 109.43 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 10,120.53 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.89 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 1,069.59 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 35.16 จุด หรือ 1.58% ปิดที่ 2,187.33 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 8.68 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงทันทีหลังจากเบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความไม่นอนอย่างไม่ปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงตกต่ำ จึงส่งผลให้ภาคครัวเรือนจับจ่ายใช้สอยน้อยลงและทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะที่เปราะบางมาก
แถลงการณ์ในครั้งนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ต้องใช้นโยบายที่จำเป็นเพื่อยับยั้งการชะลอตัว ซึ่งอาจรวมถึงการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง หรืออาจทบทวนการใช้นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจบางด้าน อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงครั้งใหม่
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.0 - 3.5% ซึ่งน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวราว 3.2 - 3.7% นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานในสหรัฐว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.2 - 9.5% ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.1 - 9.5%
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ตลาดได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ร่วงลง 5% มาอยู่ที่ระดับ 549,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. ร่วงลงสู่ระดับ 66.5 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 76.0 จุด ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 74.5 จุด เนื่องจากผู้บริโภคมีความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงเกินคาดในเดือนก.ย.สะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ภาวะความเชื่อมั่นที่ถดถอยเช่นนี้อาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในสหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลปิดบวก 0.9% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยว่า รายได้สุทธิในช่วงไตรมาสสามของปีงบดุลบัญชี อยู่ที่ 3.25 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยเพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.83 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น