ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) หลังจากบริษัท แอปเปิล อิงค์ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และบีเอชพี บิลลิตัน เปิดเผยผลผลิตแร่เหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 75.18 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 5,214.64 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,139.46 - 5,244.88 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก แม้ในระหว่างวันตลาดได้ถูกกดดันจากการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กก็ตาม โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นมาจากการที่แอปเปิลเปิดเผยว่า รายได้สุทธิในช่วงไตรมาสสามของปีงบดุลบัญชี อยู่ที่ 3.25 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยเพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.83 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 3.3% หลังจากมีรายงานว่าบีพีได้บรรลุข้อตกลงขายสินทรัพย์ในเท็กซัส แคนาดา และอียิปต์ เป็นมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัท อาปาเช่ (Apache Corp.) เพื่อนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งมาสมทบเข้ากองทุนซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดคราบน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก และชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วไหล
บีพีเผยว่า สินทรัพย์ดังกล่าวประกอบด้วย แหล่งน้ำมันและโรงงานผลิตก๊าซ ในรัฐเท็กซัสและนิวเม็กซิโก มูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์, ธุรกิจก๊าซในแคนาดา มูลค่า 3.25 พันล้านดอลลาร์ และสินทรัพย์ด้านการสำรวจและผลิตน้ำมันในอียิปต์ มูลค่า 650 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันด้วยว่า บีพีกำลังพิจารณาที่จะขายสินทรัพย์ในเวียดนามและปากีสถาน ตลอดจนหุ้นส่วนใหญ่ที่บริษัทถืออยู่ในบริษัทย่อย อาร์เจนไตน์ แพน อเมริกัน ซึ่งมีกิจการอยู่ในอาร์เจนตินา ชิลี และโบลีเวีย โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่า ผลผลิตแร่เหล็กของบริษัทเพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 31.2 ล้านตันในช่วงไตรมาสซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน เทียบกับระดับ 27.1 ล้านตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเหมืองแร่ในออสเตรเลีย รวมถึงความต้องการเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ หุ้นบีพเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดบวก 2.8%