หุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยเมื่อเวลา 10.32 น.หุ้น ADVANC อยู่ที่ 92.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท(+5.41%) มูลค่าซื้อขาย 1,482.90 ล้านบาท
หุ้น DTAC ราคาอยู่ที่ 43.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท(+6.06%)มูลค่าซื้อขาย 551.73 ล้านบาท
หุ้น TRUE ราคาอยู่ที่ 3.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท(+3.19%)มูลค่าซื้อขาย 846.24 ล้านบาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มสื่อสารมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นจากประเด็นที่ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ระบุว่า จะเปิดประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.ย.นี้ แนะ"ซื้อ" DTAC ในขณะที่ TRUE ยืน 3.68 ยังคงแนวโน้มเชิงบวก หรือหาจังหวะเข้าซื้อเล่นรอบ
ด้านสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ยังคงเชื่อว่าการแปรสัมปทานในเสร็จทันการประมูลใบอนุญาตในเดือน ก.ย.ทำได้ยากมากและคาดว่าผู้ประกอบการทุกรายจะเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตใหม่อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นบวกต่อการเพิ่มรายได้จากการให้บริการข้อมูลในระยะยาว และ ลดต้นทุนบริการจากส่วนแบ่งรายได้ของสัมปทานที่จะทยอยลดลงแทนที่ด้วยต้นทุนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใหม่ที่ต่ำกว่า จึงยังให้ “ทยอยซื้อสะสม" ADVANC และ DTAC
ทั้งนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ เปิดเผยว่า การยุติสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เดิมแล้วเปลี่ยนเป็นใบอนุญาต ซึ่งจะต้องคืนคลื่นความถี่ภายใต้สัมปทานทั้งหมดให้กับ กทช.เพื่อจัดสรรให้เอกชนทั้งที่เป็นคู่สัมปทานเดิม และให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ในย่านความถี่ที่เท่าเทียม โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ได้คลื่นความถี่ไปทั้งหมดสามารถให้บริการ 3จี ได้ด้วยเช่นกัน
จากประเด็นนี้ ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่าลดคลื่นความพี่เมื่อปรับสัมปทานเดิมเป็นใบอนุญาต และการจ่ายเงินก้อน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เอกชนตัดสินใจไม่แปรสัมปทาน
หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบให้หาแนวทางยุติสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างเอกชน กับ TOT และ CAT โดยกำหนดให้ไอซีที กระทรวงการคลัง และ สคร.ร่วมศึกษารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน (กำหนดการ 22 ส.ค. 2553) อย่างไรก็ดี รมว.ไอซีที ออกมายอมรับว่าการทำให้เสร็จตามกำหนดค่อนข้างยาก เพราะมีข้อจำกัดหลายประการ
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยยังคงเชื่อว่า รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการแปรสัญญาสัมปทานได้เสร็จทันกับการเปิดประมูลใบอนุญาตของ กทช.ที่ยืนยันกำหนดเดิมในช่วงปลายเดือน ก.ย.53 คาดว่าจะสามารถประกาศสรุปข้อสนเทศ(Information Memorandum) ในราชกิจจานุเบกษาภายในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และ ยืนยันว่าการออกใบอนุญาตแทนสัญญาสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชนสามารถทำได้ แต่ต้องไม่เกินกว่าอายุสัมปทานเดิม เพราะอาจผิดกฎหมายประกอบกิจการโทรคมนาคม
จากประเด็นนี้ ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่า หากอายุของใบอนุญาต(จากสัมปทานเดิม) สั้นกว่าใบอนุญาตของคลื่น 2.1 GHz คงไม่สร้างแรงจูงใจในการแปรสัญญาสัมปทาน