นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะผลักดันให้โรงกลั่นน้ำมัน สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 1 ปี 2554 ซึ่งขณะนี้พยายามเร่งรัดกระบวนการเข้าจดทะเบียนให้เสร็จภายใน 6 เดือนจากนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปตท.ถือหุ้นเพียง 36% รองจากเชฟรอนที่ถือหุ้น 46% จึงไม่สามารถไปกดดันหรือสั่งการได้ ทั้งนี้การที่เชฟรอนไม่เร่งเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ น่าจะมาจากสาเหตุจากการที่บริษัทไม่มีภาระหนี้สิ้น และไม่มีการลงทุนใหญ่นอกจากโครงการยูโร 4 ซึ่งใช้เงินไม่มากและสามารถใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินทุนหมุนเวียนบริษัท
"ตอนนี้ภาวะตลาดหุ้นน่าสนใจ ดัชนีสูงกว่า 800 จุดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ขายได้ ขนาดบริษัทก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่เราไม่สามารถไปเร่งรัดได้ แต่หวัง 6 เดือนข้างหน้ากระบวนการทุกอย่างจะแล้วเสร็จและเข้าตลาดได้ภายในไตรมาส 1/2554"
และหาก SPRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแล้ว PTT ก็ต้องทำตามบันทึกข้อตกลง (MOU) ที่มีกับกระทรวงพลังงาน เชฟรอน ในการขายหุ้นส่วนที่เหลืออยู่ให้กับผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากโรงกลั่นนี้ ปตท.ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และจึงไม่ต้องการถือหุ้นไว้อีก
อย่างไรก็ตาม การที่ธุรกิจโรงกลั่นอยู่ในช่วงขาลงนั้นเป็นเรื่องที่ประเมินกันไว้ก่อนแล้ว จึงไม่น่าส่งผลต่อการขายหุ้นหรือราคาหุ้นแต่อย่างไร เพราะเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจหากกำหนดราคาที่เหมาะสม และเข้าตลาดในช่วงที่เอื้ออำนวย
ส่วนผลประกอบการของ PTT นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะมากกว่าปีก่อน แม้ว่ากำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2 /53 จะน้อยกว่าในไตรมาส 1/53 จากการที่ราคาปิโตเคมีปรับลดลงและธุรกิจโรงกลั่นเข้าสู่ช่วงขาลง แต่อย่างไรในช่วงครึ่งปีหลังยังเชื่อว่ากำไรสุทธิอย่างน้อยจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 และไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว