ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท แคทเทอร์พิลลาร์, 3M, ยูพีเอส และเอทีแอนด์ที นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของยุโรป ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 201.77 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 10,322.30 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 24.08 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 1,093.67 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 58.56 จุด หรือ 2.68% ปิดที่ 2,245.89 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 8.86 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงในช่วงเช้าหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแคทเทอร์พิลลาร์ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง พร้อมกับคาดการณ์ว่ายอดขายและปริมาณการผลิตเครื่องจักรที่ใช้อุตสาหกรรมก่อสร้างจะพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ปิดบวก 1.7%
ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อบริษัท ยูพีเอส เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดและยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยพยุงหุ้นยูพีเอสดีดตัวขึ้น 5.2% และยังช่วยกระตุ้นภาวะการซื้อขายโดยรวมให้คึกคักขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของยุโรป รวมถึงตัวเลขจีดีพีของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือ ยูโรโซน ที่ขยายตัวเกินคาด และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในยุโรปที่ขยายตัวแข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
นักลงทุนจับตาดูการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารยุโรป 91 แห่งในคืนวันศุกร์ที่ 23 ก.ค.ตามเวลาประเทศไทย หลังจากนางแองเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนียืนยันว่า บททดสอบที่คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) นำมาใช้กับธนาคารยุโรปนั้น มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและน่าเชื่อถือได้
หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ของเยอรมนีรายงานว่า ไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 14 ธนาคารของเยอรมนีที่เข้ารับการทดสอบภาวะวิกฤตนั้น อาจจะไม่ผ่านการทดสอบ โดยไฮโป เรียลเอสเตท ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจนทำให้รัฐบาลเยอรมนีต้องเข้าเทคโอเวอร์กิจการ ซึ่งแม้ว่าได้ช่วยให้กิจการดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สถานะทางการเงินของไฮโป เรียลเอสเตท ยังอยู่ในขั้นที่ต้องระดมทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม โฆษกของไฮโป เรียลเอสเตท ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานคาดการณ์ดังกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ก.ค. พุ่งขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 464,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 429,000 ราย สะท้อนให้เห็นถึงภาวะอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า
หุ้นบริษัทรับสร้างบ้านดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่ลดลงน้อยกว่าคาดและราคาขายบ้านโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน โดยหุ้นฮอฟนาเนียน เอนเตอร์ไพรสซ์ ปิดพุ่ง 3.8% และหุ้นเคบีโฮมปิดบวก 3.9%