ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 840.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด(+0.87%)มูลค่าการซื้อขาย 38,823.77 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 842.49 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 837.69 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 205 หลักทรัพย์ ลดลง 145 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 141 หลักทรัพย์
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธการลงทุนลูกค้าบุคคลสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า โดยอิงปัจจัยจากภายนอกประเทศเป็นหลัก จากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้กล่าวว่าจะใช้นโยบายทางด้านการเงินเข้ามาดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้ทำให้มองกันว่าเศรษฐกิจไม่ปรับตัวลง และอาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอยู่ ส่วนในยุโรปเองทางเยอรมันก็ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราวันนี้ได้แรงส่งจากหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้ดัชนีฯปรับตัวขึ้นได้ แต่หุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ยังเป็นกลุ่มหลักที่ปรับตัวขึ้นอยู่ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ก็ได้แรงหนุนจากการปรับประมาณการตัวเลข GDP ของไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งก็คงจะส่งผลบวกในช่วงสั้น
ด้าน น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในแดนบวกในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ทั้งนี้เป็นผลจากความคาดหวังว่าผล Stress Test ของธนาคารในยุโรปจะออกมาดี โดยธนาคารส่วนใหญ่น่าจะผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้
ส่วนประเด็นที่ 2 น่าจะเป็นเรื่องของการเข้าซื้อเก็งกำไร โดยอ้างอิงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งบริษัทที่ประกาศออกมาแล้วดีกว่าคาด และบริษัทที่คาดหวังว่าจะออกมาดี
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายสุกิจ กล่าวว่า ตลาดฯยังไม่มีข่าวลบ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะความเชื่อมั่นยังดีอยู่ โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศมีความเชื่อมั่นต่อตลาดฯมากขึ้น และช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติไม่มีอิทธิพลต่อตลาดฯเลย ส่วนปัจจัยการเมืองก็ติดตามบ้าง แต่คงยังไม่มีน้ำหนักต่อตลาดฯช่วงนี้ ตลาดฯคงได้แรงส่งจากการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/53 ดังนั้นจึงมองแนวต้านที่ 850 จุด แนวรับ 825 จุด
ด้านน.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า จะต้องรอดูว่าผล Stress Test ว่าออกมาเป็นอย่างไร พร้อมให้แนวรับระยะใกล้ในกรณีที่ผลออกมาดีตามคาดที่ 837-835 จุด แต่ถ้าผลออกมาไม่ดีหรือดีน้อยกว่าคาดก็จะมีแนวรับที่ 820-810 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 850 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,632.42 ล้านบาท ปิดที่ 86.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,604.22 ล้านบาท ปิดที่ 4.18 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,317.77 ล้านบาท ปิดที่ 98.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,611.90 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,075.72 ล้านบาท ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท