ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) หลังผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ธนาคาร 91 แห่งในยุโรปเมื่อคืนนี้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 102.32 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 10,424.62 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8.99 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 1,102.66 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 23.58 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 2,269.47 จุด
คณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) ระบุว่า มีธนาคารเพียง 7 ที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี และธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของสเปน ได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur
นายจิโอวานนี คาโรซิโอ ประธาน CEBS กล่าวว่า "ผลการทดสอบภาวะวิกฤตบ่งชี้ว่า ธนาคารทั้ง 7 แห่งจะต้องเร่งระดมทุนเพื่อเสริมสร้างสถานะการเงินให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ผลการทดสอบยังสะท้อนถึงวิกฤตการเงินที่ธนาคารทั้ง 7 กำลังเผชิญ รวมถึงตัวเลขขาดทุน อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่ธนาคารต้องระดมทุนรวมกันในครั้งนี้ไม่มากเท่ากับที่มีการประเมินไว้เบื้องต้น เนื่องจากรัฐบาลในกลุ่มสหภาพยุโรปได้อัดฉีดเงินทุนจำนวนมากเข้าสู่ระบบเมื่อไม่นานมานี้"
CEBS พร้อมด้วยธนาคารกลางยุโรป และคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกแถลงการณ์ร่วมขานรับผลการทดสอบภาวะวิกฤตในครั้งนี้ว่า "การทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารทั้ง 91 แห่งในยุโรปเป็นไปด้วยความโปร่งใส ผลการทดสอบยืนยันชัดเจนว่า โดยภาพรวมแล้วระบบการธนาคารของสหภาพยุโรปสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินได้ และการทดสอบครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด"
อีกปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กคือการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบรรดาบริษัทเอกชนในสหรัฐที่ออกมาสดใส ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทใหญ่ทั้ง ไมโครซอฟท์ คอร์ป, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, ฟอร์ด มอเตอร์ และ แมคโดนัลด์ส คอร์ป ต่างมีผลประกอบการณ์สูงเกินคาด ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งภาคเอกชนและภาคครัวเรือนมีการใช้จ่ายมากขึ้น
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) จะเพิ่มเงินปันผล 2 เซนต์/หุ้น และเริ่มซื้อหุ้นคืนเนื่องจากสถานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้นแล้ว จีอีได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่บริษัทสามารถฟื้นตัวได้ขนาดนี้จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น
นอกจากนั้นข่าวที่ว่าบริษัท ซาโนฟี่-อเวนตีส กำลังหาทางซื้อกิจการบริษัทเจนไซม์ ก็ช่วยหนุนให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าบริษัทนั้นๆ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และบริษัทพร้อมที่จะใช้เงินขยายธุรกิจของตนเอง