ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ทะยาน 100.81 จุด ขานรับยอดขายบ้านใหม่สหรัฐพุ่งเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 27, 2010 06:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 จุดติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ที่พุ่งขึ้นเกินคาด และบริษัท เฟดเอ็กซ์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงขานรับผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารยุโรปที่บ่งชี้ว่า มีธนาคารเพียง 7 แห่งจากทั้งหมด 91 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 100.81 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 10,525.43 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 1,115.01 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 26.96 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 2,296.43 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทันทีหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 23.6% สู่ระดับ 330,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 267,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 320,000 ยูนิตต่อปี

ยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.ส่งผลให้จำนวนบ้านใหม่ที่ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายในตลาดสหรัฐ ปรับตัวลดลง 1.4% มาอยู่ที่ระดับ 210,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี ส่วนราคากลางของบ้านใหม่ปรับตัวลดลง 1.4% มาอยู่ที่ระดับ 213,400 ดอลลาร์

ทั้งนี้ รายงานยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาดช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นดีอาร์ฮอร์ตัน อิงค์, หุ้นเลนนาร์ คอร์ป และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส อิงค์ ปิดบวกกว่า 2%

ภาวะการซื้อขายในตลาดคึกคักมากขึ้นเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมชิปปิ้งอย่าง เฟดเอ็กซ์ คอร์ป ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการเพราะเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะช่วยหนุนกิจการของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย โดยเฟดเอ็กซ์คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.05 - 1.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 85 เซนต์ ถึง 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเฟดเอ็กซ์ปิดบวก 1.9%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับแถลงการณ์การของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS) ที่ระบุว่า มีธนาคารเพียง 7 แห่ง จากทั้งหมด 91 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test)ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี และธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของสเปน ได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur

นายจิโอวานนี คาโรซิโอ ประธาน CEBS กล่าวว่า จำนวนเงินที่ธนาคารต้องระดมทุนรวมกันในครั้งนี้ไม่มากเท่ากับที่มีการประเมินไว้เบื้องต้น เนื่องจากรัฐบาลในกลุ่มสหภาพยุโรปได้อัดฉีดเงินทุนจำนวนมากเข้าสู่ระบบเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ ผลการทดสอบยืนยันชัดเจนว่า โดยภาพรวมแล้วระบบการธนาคารของสหภาพยุโรปสามารถต้านทานวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินได้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ค. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ค. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ