โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพีออลล์(CPALL)คาดว่า กำไรในไตรมาส 2/53 สูงขึ้นราว 19-35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ไม่ได้รับผลกระทบทางการเมือง โดยเป็นการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและการบริโภคภายในเพิ่มตามและการขยายสาขาต่อเนื่อง และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนใจะลดลงเป็นผลจากฤดูกาล
ทั้งนี้ คาดทั้งปีกำไรสุทธิเติบโต 20-22% จากปีก่อน และมองแนวโน้มในปีหน้าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องทั้งยอดขายและกำไร
นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องหุ้นกู้แปลงสภาพหมดไปหลังจากที่บริษัทเปลี่ยนเป็นการถือหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพและใช้สิทธิขายออกมาซึ่งจะได้รับเงินประมาณ 4 พันล้านบาท และมองว่ามีความเป็นไปได้จะจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นในปีนี้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.กสิกรไทย ซื้อ 36.25
บล.ฟิลลิป ซื้อ 33.50
บล.ซิกโก้ ถือ 33.00
บล.กิมเอ็ง ซื้อ 32.50
บล.ฟาร์อีสท์ ซื้อ 32.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 30.00
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า ในไตรมาส 2/52 CPALL จะประกาศผลกำไรสุทธิ ที่ 1,468 ล้านบาท เติบโต 19% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน(YoY) แต่ลดลง 12% จากไตรมาสแรก(QoQ) เพราะเป็นช่วงฤดูกาลที่มียอดขายต่ำกว่าไตรมาสแรกที่มีผลประกอบการสูงสุดของปีอยู่แล้ว
"มองว่ากำไรไตรมาส 2 ออกมาดี และแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้าก็ยังดีต่อ ในแง่ตัวกำไรก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาจากภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น การบริโภคที่ฟื้นตัว รวมถึงตัวบริษัทที่ขยายสาขาอยู่ ร้าน 7-11 ก็เปิดเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ มองว่ายอดขายกำไรก็โตขึ้นต่อเนื่อง"นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว
ส่วนในครึ่งปีหลังโดยรวม ถ้าเทียบ QoQ จะไม่ได้เห็นภาพที่ชัดเจนของบริษัท แต่จะดู YoY ซึ่งเติบโตอยู่แล้วทั้งในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 โดยเติบโต 2 หลัก ประมาณ กว่า 10-20%
ทั้งนี้ ประเมินกำไรทั้งปี 53 เท่ากับ 6,071 ล้านบาท โต 22% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 4,992 ล้านบาท
ส่วนความกังวลเรื่องหุ้นกู้แปลงสภาพก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทเปลี่ยนการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกโดย CTEI เป็นหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพ(CPS)เสร็จสิ้นในปลายไตรมาส 2/53 และ CPALL ใช้สิทธิขาย(Put option) CPS ให้แก่ C.P.Holding (BVI) Investment Company (CPH) ในช่วงไตรมาส 3/53 ทำให้ CPALL ได้รับกระแสเงินสด 4 พันล้านบาท
และมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจ่ายเป็นเงินปันพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับจะไม่ได้บันทึกในงบกำไรขาดทุน โดยประเมินเบื้องต้นว่าหากจ่ายทั้งหมด 100% ของ 4 พันล้านบาทที่ได้รับ จะได้จ่ายเงินปันผล 0.89 บาท/หุ้น หรือหาก 50% ก็จะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.45 บาท
"มองว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะปันผล เพราะว่าโดยปกติบริษัทก็มีกะแสเงินสดดีอยู่แล้ว หนี้สินแทบไม่มี การขยายสาขาก็ใช้กระแสเงินสดขยายไปได้เรื่อยๆอยู่แล้ว ก็มีความเป็นไปได้ทีอาจจะมีการปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้น"นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า CPALL เป็นหุ้นพื้นฐานที่ดีที่เกี่ยวกับการบริโภค และการขยายร้าน 7-11 ทำให้บริษัทเติบโตได้เรื่อยๆ ทำให้เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโดยรวม และมักจะโตมากกว่าเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 53 ที่ 5,900 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน
ประกอบกับการเปลี่ยนการลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพได้เงินสดเช้ามา แต่จะจ่ายเงินปันผลหรือไม่ก็ต้องรอดูการตัดสินใจของบริษัท ถ้าจ่ายก็ถือเป็นเงินปันผลพิเศษ แต่ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายเงินปันผลมาโดยตลอด แม้ว่าจะได้รับผลขาดทุนจากที่เคยถือโลตัสในจีนก็ตาม โดยมีอัตราผลตอบแทนการจากเงินปันผลประมาณ 3-4% จากก่อนหน้านี้ได้มากกว่านี้ เพราะขณะนี้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยในปีที่แล้วจ่ายที่ 0.80 บาท/หุ้น และคาดว่าปีนี้จะจ่าย 0.93 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน ประมาณ 3%
ขณะที่ บล.ซิกโก้ คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/53 ไว้ที่ 1,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9%YoY จากกลยุทธ์การเพิ่มสัดส่วนกลุ่ม Food และ Food Service ทำให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 26.8% และคาดจะมีกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยที่ 0.6% QoQ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การเมือง และการลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การอนุมัติให้แปลงหุ้นกู้แปลงสภาพ(CB)เป็นหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ(CPS)พร้อมอนุมัติการใช้สิทธิขาย(Put Option) ของ CTEI ให้กับ CPH ทันที ซึ่งจะเป็นผลให้ CPALL บันทึกเงินสดรับเข้ามาในไตรมาส 3/53 ที่ 4,100 ลบ. โดยฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของ CPALL ทำให้คาดแนวโน้มการจ่ายปันผลพิเศษในปี 53 ได้ แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนจากทางบริษัทในเรื่องนี้
แต่เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันปรับสูงขึ้นมาค่อนข้างมากเทียบกับราคาเหมาะสมให้ผลตอบแทนรวม (Total Return) เท่ากับ 11.5% (Upside Gain 8.2% และ Dividend Yield 3.3%)จึงแนะนำ "ถือ"