ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 853.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด(+1.60%)มูลค่าการซื้อขาย 42,522.17 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีตลาดแกว่งตัวทั้งในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ระดับ 854.49 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 847.12 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 198 หลักทรัพย์ ลดลง 171 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 124 หลักทรัพย์
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องทั้งวันมาปิดเหนือ 850 จุดด้วยวอลุ่มเทรดหนาแน่น หลังได้แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากความเสี่ยงชัดเจนขึ้นแล้วทั้งผลทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารยุโรปที่ส่วนใหญ่ออกมาดี รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐก็เป็นไปในทิศทางที่ดีด้วย จึงส่งผลทางจิตวิทยาการลงทุนต่อเนื่องมายังตลาดในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย
ส่วนปัจจัยในประเทศ การปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของไทยในปีนี้สนับสนุนให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับขึ้นต่อ เพราะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และอาจเห็นการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการที่ออกมาดี ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับขึ้นมารับราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อตลาดจึงเป็นแรงผลักดันภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศว่าจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ แม้จะเริ่มมีการกลับเข้ามา แต่มองว่าคงยังไม่เป็นการเข้ามาซื้อเต็มที่ เพราะการที่แนวโน้มดอกเบี้ยปรับขึ้นนั้นจะเห็นการดูดซับสภาพคล่องบางส่วนเกิดขึ้น
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(28 ก.ค.)มองว่าตลาดยังคงปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่อง แต่ก็อาจจะเห็นการปรับฐานบ้าง พร้อมให้แนวรับไว้ 845 จุด ส่วนแนวต้านในช่วง 855-860 จุด
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวันจากปัจจัยบวกทั้งจากในประเทศและนอกประเทศ โดยไม่ได้กังวลเหตุระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีราชดำริมากนัก แต่ตอบรับปัจจัยภายนอกเรื่องผล Stress Test ที่ออกมาดีมากกว่า
ตลาดหุ้นไทยที่เด่นกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคก็คงน่าจะเป็นมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยหลังจากแบงก์ชาติปรับประมาณการณ์จีดีพีปีนี้มาที่ 6.5-7.5% ดีกว่าที่ Market Consensus ระบุไว้ที่ 5.3% และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่เศรษฐกิจไทยโตเร็วกว่าของประเทศเพื่อนบ้าน โดยแถบอาเซียนนั้นไอเอ็มเอฟประเมินว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6.4% ในปีนี้
ส่วนแรงซื้อจากต่างชาติก็กลับเข้ามาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งวันนี้ก็เห็นหนาแน่นในกลุ่มแบงก์และพลังงานตัวใหญ่ หลังคาดว่าสินเชื่อมีทิศทางที่ดีขึ้นตามประมาณการเศรษฐกิจ ส่วนพลังงานเป็น Laggard Factor ทำให้มีแรงเข้ามาซื้อเก็งกำไร
โดยรวมตลาดผ่าน 848 จุดขึ้นมาได้อย่างมีนัยสำคัญ และวอลุ่มทะลุ 4 หมื่นล้านบาทสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ในระยะสั้นให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไร พร้อมให้แนวรับที่ 848 จุด แนวต้านที่ 860 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,991.17 ล้านบาท ปิดที่ 91.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,048.62 ล้านบาท ปิดที่ 255.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,529.18 ล้านบาท ปิดที่ 13.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,427.26 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,746.07 ล้านบาท ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท