โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"SCB ราคาหุ้นยัง Laggard,รุกหนักขยายสินเชื่อใน H2/53

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 28, 2010 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเป็นหุ้น Laggard สุดในกลุ่มแบงก์ พร้อมรุกขยายตัวสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/53)แบบ Aggressive ทั้งกลุ่ม Corporate และ SME นอกจากนี้ SCB ยังมีการเติบโตในส่วนของรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวได้ดี และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีด้วย อีกทั้งมี ROE ปีนี้(53)ที่ 17% ถือว่าสูงสุดในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่

ครึ่งแรกปีนี้ SCB มีการขยายตัวของสินเชื่อ 3.3% เท่านั้น แต่ผู้บริหารแบงก์ยังคงเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อไว้ที่ 7-10% ในปีนี้ ซึ่งโบรกเกอร์ได้ทำประมาณการขยายตัวสินเชื่อของ SCB ในปีนี้ไว้ในช่วง 5.9-10%

สำหรับตัวเลข NPL ล่าสุด(H1/53)อยู่ที่ 4.4% แม้ว่าจะปรับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่น่ากระทบต่อกำไรของแบงก์ และทางผู้บริหารได้ทำเป้าตัวเลข NPL ปีนี้ไว้ที่ 3.9% ส่วนการตั้งสำรองฯของ SCB ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับแบงก์อื่น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ของ SCB ไว้ในช่วง 22,362-25,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 20,760 ล้านบาท เป็นผลจากการมองว่า SCB จะมีการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีกว่าปีที่แล้วที่มีการเติบโตของสินเชื่อแค่ 2.15% ซึ่งปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นปีที่แย่สุด เพราะต้องเผชิญปัจจัยลบจากทั้งภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมือง

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          Deutsche Bank                ซื้อ                 120.00
          Citigroup                    ซื้อ                 108.00
          Royal Bank of Scotchland     ซื้อ                 102.00
          บล.โกลเบล็ก                   ซื้อ                 115.00
          บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย)   ซื้อ                 102.00
          บล.ทิสโก้                      ซื้อ                 120.00
          บล.ทรีนีตี้                      ซื้อ                 120.00
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส               ซื้อ                 112.00
          บล.เอเชีย พลัส                 ซื้อ                 109.30
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)           ซื้อ                 102.00
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)          ซื้อ                  99.00

Deutsche Bank(DB)ได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น SCB จาก 101 เป็น 120 บาท/หุ้น พร้อมแนะ"ซื้อ" ภายหลังจากที่ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2553-2555 ขึ้นอีก 4-5% เป็นการสะท้อน NIM ขยาย, สินเชื่อและค่าธรรมเนียมเติบโต ซึ่ง SCB ยังเป็นหุ้น Laggard สุดในกลุ่ม ขณะที่ P/BV ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ขณะที่ Citigroup(CITI)แนะ"ซื้อ"หุ้น SCB ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 108 บาท/หุ้น มองจะกลับสู่การเติบโตในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/53) จากสินเชื่อ SME, Consumer Banking, NIM ขยาย และต้นทุนลด?

ส่วน Royal Bank of Scotchland(RBS)ได้ปรับคำแนะนำหุ้น SCB จาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" พร้อมปรับราคาเป้าหมายจาก 85 เป็น 102 บาท/หุ้น เนื่องจากได้ปรับประมาณการกำไรปี 2553-2554 ขึ้น 7-8% หลังปรับกลยุทธธุรกิจใหม่ ซึ่งรับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว

ด้าน น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SCB เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นยัง Laggard อยู่ และในครึ่งหลังปี 53 มองว่า SCB จะมีการรุกการขยายตัวของสินเชื่อแบบ Aggressive มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยมาจากพวก Corporate และ SME ซึ่งเห็นว่าจะมีการให้สินเชื่อกับ บมจ.การบินไทย(THAI)ประมาณ 8 พันล้านบาท และยังมีรายอื่นด้วย ส่วน SME ในช่วงครึ่งปีแรกมีการปรับโครงสร้างภายในจึงทำให้ไม่โต แต่คิดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีการขยายตัวที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในครึ่งแรกปีนี้(H1/53)SCB มีการขยายตัวของสินเชื่อ 3.3% เท่านั้น แต่ผู้บริหารแบงก์ยังคงเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อไว้ที่ 7-10% ในปีนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยก็ได้ทำประมาณการขยายตัวของสินเชื่อของ SCB ในปีนี้ไว้ที่ 8-10% สำหรับตัวเลข NPL ล่าสุด(H1/53)อยู่ที่ 4.4% แม้ว่า NPL ของ SCB จะขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะกระทบต่อกำไรของแบงก์ และทางผู้บริหารได้ทำเป้าตัวเลข NPL ไว้ที่ 3.9%

นอกจากนี้ SCB ยังมีการเติบโตในส่วนของรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ขยายตัวได้ดี และยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีด้วย การตั้งสำรองฯของ SCB ก็ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับแบงก์อื่น และที่น่าสนใจของ SCB คือมีอัตราการจ่ายเงินปันผล(yield)ที่ดีกว่าธนาคารกสิกรไทย(KBANK)

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ของ SCB ไว้ที่ 23,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 20,760 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมองว่า SCB ในปีนี้น่าจะมีการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีกว่าปีก่อนที่มีการเติบโตของสินเชื่อแค่ 2.15% ซึ่งปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นปีที่แย่สุดแล้ว เพราะต้องเผชิญปัจจัยลบจากทั้งภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ดี

น.ส.สุกัญญา อุดมวรนันท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่า SCB ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพียงแต่ในช่วงครึ่งแรกผลประกอบการไม่เด่น แต่หากมองที่ระดับราคาหุ้นยัง Laggard อยู่ ราคายังต่ำกว่า KBANK จึงมี upside เหลืออยู่มาก อีกทั้ง ROE ก็ยังยู่ในระดับที่สูงอยู่ด้วย พร้อมคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/53)น่าจะดีขึ้น จากการขยายตัวของสินเชื่อ โดยเฉพาะพวก Corporate ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้วหลายบริษัทฯเหมือนกัน

ทั้งนี้ ปี 53 คาดว่า SCB จะมีการขยายตัวของสินเชื่อประมาณ 5.9% พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 22,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 20,760 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ มองว่า ราคาหุ้น SCB ในปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ และที่ผ่านมาราคาหุ้นก็ยัง underperform นอกจากนี้ยังมองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/53) SCB จะมีการขยายตัวของสินเชื่อที่โดดเด่นหลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัวไปบ้าง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังก็น่าจะได้มีการขยายตัวสินเชื่อพวก Corporate ที่ดี น่าจะทำให้ระดับราคาหุ้น SCB ขยับตัวขึ้นไปได้ดีด้วย

อีกทั้ง SCB ยังมี ROE ปีนี้ที่ 17% ซึ่งถือว่าสูงสุดในบรรดาหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ และคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อของ SCB ในปีนี้จะเติบโตได้ 8.1% พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 25,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิที่ 20,760 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ