นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไอเอฟเอส แคปปิตอล(ประเทศไทย)(IFS) ผู้ให้บริการสินเชื่อแฟคทอริ่ง กล่าวว่า หลังขายหุ้น IPO บริษัทจะขยายสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม จากที่เน้นปล่อยสินเชื่อแฟคทอริ่ง และมีแผนขยายสาขาภายใน 1-2 ปี ในภาคเหนือ, ตะวันออกเฉียงเหนือ และ ตะวันออก
จุดเด่นบริษัท คือ มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง โดยงวด 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.53) มีกำไรสุทธิ 21.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.64% โดยทั้งปี 52 มีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมธุรกิจในปีนี้ดีขึ้นจากผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีมูลค่าปริมาณการค้า(แฟคตอริ่งวอลุ่ม)อยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท จากทั้งปี 52 ที่มีจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท
"ปกติ ธุรกิจเราโตปีละ 10-30% ซึ่งในปีนี้คาดว่าเป็นโอกาสที่ดี" นายตัน กล่าว
อนึ่ง บมจ.ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย)เป็นบริษัทในกลุ่มผู้ให้บริการทางด้านการเงินจากประเทศสิงคโปร์ ดำเนินธุรกิจด้านสินเชื่อแฟคตอริ่งในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยบริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (สิงคโปร์) จำกัด จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536
ด้านนายกำพล ทรวงบุรณกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและ ผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ IFS กล่าวว่า ราคาขายหุ้น IPO ที่ 1.35 บาท/หุ้นเป็นราคาที่เหมาะสม โดยมีความต้องการจากนักลงทุนทั่วไปเข้ามาถึง 5-6 เท่าของจำนวนหุ้นที่บริษัทรับหน้าที่เสนอขาย 56 ล้านหุ้น จากหุ้น IPO ทั้งหมด 120 ล้านหุ้น
นักลงทุนให้ความสนใจหุ้น IFS เพราะพื้นฐานธุรกิจดี และมั่นใจในตัวผู้บริหาร ซึ่งราคาขาย IPO ดังกล่าวมาจากาสำรวจตลาดแล้ว และยังมีส่วนลด 20%
ทั้งนี้ กำหนดขายหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-3 ส.ค.นี้ และ คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 10 ส.ค.นี้