ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 39.81 จุด หลังสหรัฐเผยยอดซื้อสินค้าคงทนร่วงหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 29, 2010 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ที่สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 39.81 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 10,497.88 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 7.71 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 1,106.13 และ ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 23.69 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 2,264.56 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.11 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนเกือบตลอดวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบาง

ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องบินร่วงลงมากกว่า 25% และหากไม่นับรวมสินค้าในหมวดการขนส่งซึ่งเป็นหมวดสินค้าที่มีความผันผวนมาก พบว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.6%

ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เป็นดัชนีวัดสถานะความแข็งแกร่งของภาคการผลิตซึ่งถือเป็น 1 ในแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจซบเซาได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักๆของประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องจักร อิเล็กทรอนิก ยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก

นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อเฟดออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า โดยในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจในเขตคลิฟแลนด์ และแคนซัส ซิตี้ ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในแอตแลนต้าและชิคาโก ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้เพิ่มแรงกดดันให้กับตลาด หลังจากที่ตลาดได้รับปัจจัยลบอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเมื่อสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 50.4 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ54.3 จุด ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 51.0 จุด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2553 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 2.3% ต่อปี ลดลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% ต่อปี

หุ้นโบอิ้งร่วงลง 1.9% หลังจากบริษัทคาดการณ์ผลประกอบการปี 2553 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ปิดทรงตัวที่ 54.44 ดอลลาร์ แม้บริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าก็ตาม ส่วนหุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล ปิดบวก 1 เซนต์ แตะที่ระดับ 4.84 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ