ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานถูกทุบขายอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการรายงานผลประกอบการของบริษัท บีจี กรุ๊ป
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 45.99 จุด หรือ 0.86% แตะที่ 5,319.68 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,314.57 - 5,398.10 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดดันจากความกังวลที่ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 เดือน โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี เป็นดัชนีวัดสถานะความแข็งแกร่งของภาคการผลิตซึ่งถือเป็น 1 ในแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า โดยในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจในเขตคลิฟแลนด์ และแคนซัส ซิตี้ ค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในแอตแลนต้าและชิคาโก ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นกลุ่มพลังงานถูกกระหน่ำขายหนักสุด หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงภายหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาด และหลังจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบีจี กรุ๊ป โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป ดิ่งลง 2.2% หุ้นบีพีร่วงลง 0.9% หลังจากมีรายงานว่าบีพีเตรียมขายสินทรัพย์เพื่อหาเงินมาชดเชยความเสียหายจากการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
บีพียืนยันว่า นายโทนี่ เฮย์เวิร์ด จะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และจะส่งมอบตำแหน่งดังกล่าวให้แก่นายโรเบิร์ต ดัดลีย์ ต่อไป