นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ บล.เอเชีย พลัส(ASP)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในครึ่งหลังปีนี้(H2/53)บริษัทคาดว่ามาร์เก็ตแชร์ในตลาดตราสารอนุพันธ์(TFEX)จะเพิ่มอีก 1-1.5% หลังจากมีการเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะทำให้บริษัทไปสู่เป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ที่ 5-6% และขึ้นไปอยู่ในอันดับ Top 5
ล่าสุด บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ระดับ 4.28% เป็นอันดับที่ 7 ซึ่งสูงกว่าปี 52 ที่มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 3.1% อยู่ในอันดับที่ 11
นายเตชธร กล่าวว่า การเปิดเทรดวันแรกของมินิโกลด์ฟิวเจอร์สในวันที่ 2 ส.ค.นี้ เชื่อว่าจะสร้างวอลุ่มเทรดให้ตลาด TFEX ได้มากขึ้น โดยนักลงทุนที่เทรดโกลด์ฟิวเจอร์สอยู่แล้วคงจะย้ายมาเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สหลายราย และต่อไปวอลุ่มเทรดของมินิโกลด์ฟิวเจอร์สก็จะมีมากกว่าโกลด์ฟิวเจอร์ส์
"แม้แต่ลูกค้าของบริษัทฯก็มีหลายรายที่สนใจจะเข้าไปเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส การเกิดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สนี้เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนรายย่อยมาก และขณะนี้บริษัทฯได้วางระบบพร้อมแล้วสำหรับการเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส"ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ ASP กล่าว
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ ASP กล่าวต่อว่า ข้อดีของมินิโกลด์ฟิวเจอร์สคือขนาด(Size)ในการเทรดทองคำเล็กลงเหลือแค่ 10 บาท/สัญญา จากปัจจุบันที่เทรดโกลด์ฟิวเจอร์สที่มีขนาด 50 บาท/สัญญา และการวางเงินในการเทรดก็แค่ 11,400 บาท/สัญญา ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์สต้องวางเงินถึง 57,000 บาท/สัญญา
นอกจากนี้ ในส่วนของค่าคอมมิชชั่นของการเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สก็ต่ำกว่าโกลด์ฟิวเจอร์สด้วย โดยเสียค่าคอมมิชชั่นเมื่อเทรด 1-25 สัญญา จะจ่ายแค่ 100 บาท ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์สเทรด 1-5 สัญญาจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 500 บาท
นายเตชธร กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำโลกว่า เวลานี้ราคาอ่อนตัวลง เพราะได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวขึ้นไปในช่วงปลายปีนี้ และทางกองทุนทองคำโลกก็ได้มีการขายออกมาบ้างด้วย ดังนั้น หากนักลงทุนจะเข้าเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สก็ควรจะหาจังหวะทำ Long ก่อน และเมื่อราคาทองคำวิ่งขึ้นเกินระดับ 1,200 เหรียญฯ ค่อยหันกลับมาทำ Short